ฟื้นระยะสั้น แต่มองเป็นจังหวะลดพอร์ต ระยะสั้นแนะ KCE KBANK

เมื่อคืนที่ผ่านมา Dow Jones กลับมาปิดบวก 0.25% ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นที่ปรับฐานแรงก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่ม Tech ขณะเดียวกันผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ได้ออกมาค่อนข้างดี โดยมีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐเพียง 1.6 แสนตำแหน่ง เทียบกับตลาดคาดที่ 2 แสนตำแหน่ง ด้านราคาน้ำมันดิบปรับฐานลงเล็กน้อย 0.5% หลังเผชิญการทยอยปล่อยคลังน้ำมัน ประกอบกับ EIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.85 ล้านบาร์เรล รวมถึงการ Lock Down ในจีนที่จะมีผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน มองเป็นผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) แต่หุ้นที่มีน้ำมันเป็นต้นทุนจะได้รับผลบวก อาทิ (SCC SCGP TASCO TOA) ในประเทศยังไม่มีอะไรใหม่ๆ ตลาดจะเริ่มมองไปยังการเริ่ม Preview ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน 1Q22 โดยปัจจัยสำคัญจะอยู่ในสัปดาห์หน้า อาทิ การรายงานเงินเฟ้อสหรัฐในวันอังคาร และการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตในวันพุธ ส่วนเช้านี้ Nikkei ฟื้นตัวเล็กน้อย 0.3% ดังนั้น SET INDEX ด้วยการที่ปรับฐานลงมาแรงวานก่อนวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวเล็กน้อยกรอบ 1678-1687

เชิงกลยุทธ์การลงทุน การฟื้นตัวเป็นโอกาสลดพอร์ตมากกว่า เรายังกังวลถึง Valuation ที่ค่อนข้างแพง แต่ระยะสั้นมองเป็นโอกาสของการเก็งกำไรในหุ้นที่ปรับลงมาแรง อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) แพ็คเกจจิ้ง (SCGP)

KCE (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 95.75 บาท) ภาพรวมตั้งแต่ 2522 จะสดใสมากขึ้น เมื่อกำลังการผลิตใหม่เริ่มเดินเครื่องการผลิต คาดราคาทองแดงจะลดลง 6% YoY ในปี 2022 หากอิงการรายงานของ Ivanhoe Mines

KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 174 บาท) คาดกำไรสุทธิใน 1Q22 โต 6% YoY (+14% QoQ) จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสูงขึ้น และควบคุมค่าจ่ายได้ดี การปรับลดอันดับเครดิต ของ S&P Global Rating จาก “BBB+” เป็น “BBB” ส่งผลกระทบจํากัดต่อ KBANK

 

*หมายเหตุ ชุดหุ้นที่แนะนำเหมาะสำหรับการซื้อเพื่อถือลงทุน 1-14 วัน หากนักลงทุนมีกำไรก็สามารถทำกำไรได้โดย แนะตั้ง Stop loss หากขาดทุนเกินกว่า 5% ส่วนราคาเป้าหมายเป็นราคาภายใน 1 ปีจากปัจจุบันที่มาจากปัจจัยพื้นฐาน

- Advertisement -