บล.กรุงศรีฯ:
เราคาด จะขาดทุนการดำเนินงาน 3.2 พันลบ. ใน 2Q22F ฟื้นตัวทั้ง yoy และ qoq จากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ไทยมีแนวโน้มจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเห็นโมเมนตัมที่แข็งแกร่งในเม.ย. ผู้โดยสารจากต่างประเทศเฉลี่ยรายวันเพิ่มเป็น 1.6 หมื่นคนต่อวัน (+82% MoM) จากโมเมนตัมปัจจุบัน เราคาด AOT จะกลับสู่จุดคุ้มทุนภายใน 1H23 อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าราคาหุ้นของ AOT ในปัจจุบันสะท้อนแนวโน้มที่ดีไปแล้ว เราจึงปรับคำแนะนำลงเป็น ถือ เนื่องจากอัพไซด์จำกัด และแนะนำให้นักลงทุนสลับไปในหุ้นโรงแรมไทย เช่น CENTEL และ ERW
คาด 2Q22F ขาดทุนลดลงเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมอย่างต่อเนื่อง
เราคาดขาดทุนจากการดำเนินงานใน 2Q22F ที่ 3,161 ลบ. ดีขึ้น qoq และ yoy จากขาดทุนใน 2Q21 และ 1Q22 การขาดทุนเป็นผลมาจากยอดขายที่ยังไม่แตะระดับคุ้มทุน แต่ยอดขายยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสาร yoy และ qoq ทั้งในประเทศ (3.7 ล้านคน, +53% yoy) และระหว่างประเทศ (0.7 ล้านคน, +844% yoy) ทำให้ยอดขายฟื้นตัวเป็น 3.2 พันลบ. (+66% yoy, +31%qoq) โดยมีค่าธรรมเนียมสนามบิน (PSC 24% ของยอดขาย) เติบโต +175% yoy และรายได้พื้นที่สัมปทานที่ (23% ของยอดขาย) เติบโตที่ +94% yoy
โมเมนตัมในเม.ย. มีการฟื้นตัวแบบ V-shape
แม้จะได้รับผลกระทบจากทั้งการระบาดของ Omicron ระลอกใหม่, การหยุดโครงการ Test&Go ในม.ค., และความขัดแย้งในยูเครน แต่เรายังคงมุมมองว่าผลการดำเนินงานใน 2Q22 ยังแข็งแกร่ง หากมองต่อไปข้างหน้า เราได้เห็นจำนวนผู้โดยสารจากต่างประเทศในโครงการ Thailand pass อยู่ในระดับที่ดีแตะระดับ 1.6 หมื่นคนต่อัน (+82% MoM จากระดับเฉลี่ยในมี.ค. ที่ 8.8 พันคนต่อวัน) สะท้อนอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของภาคท่องเที่ยวไทยและโมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่อง ผลจากจะมีประเทศผ่อนคลายมาตรการควบคุมมากขึ้น
คงคำแนะนำ ถือ; แนวโน้มที่ดีสะท้อนในราคาแล้ว
อุปสงค์การท่องเที่ยวที่สูงขึ้นสะท้อนการฟื้นตัวของ AOT แบบ V-shape เราเชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนแนวโน้มที่ดีไปแล้ว เราจึงปรับคำแนะนำลงเป็น ถือ เนื่องจากอัพไซด์ที่จำกัดต่อราคาเป้าหมายปี 2023 ของเราที่ 74 บาทต่อหุ้น โดย TP ปี 2022 ของเราอยู่ที่ 62 บาทต่อหุ้น เราแนะนำนักลงทุนให้สลับหุ้นเป็นหุ้นโรงแรมไทย เช่น CENTEL และ ERW ซึ่งเป็นหุ้นที่จะขึนตามในธีมการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทย
