KS Daily View 08.04.2022 >>> ตลาดหุ้นโลก Rebound ช่วงสั้น/ สัปดาห์หน้าคาดยังแกว่งตัว/ กรอบ SET คาด 1680-1685 หุ้นแนะนำ GULF
ตลาดต่างประเทศ : ทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกยังเป็นลักษณะแกว่งตัวลง (ถูกกดดันจากรายงาน Fed Minutes กลางอาทิตย์และเมื่อวานประธาน Fed James Bullard เน้นย้ำทิศทางการใช้นโยบายการเงินตึงตัวของสหรัฐ(Hawkish) ทั้งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 50 bpsพร้อมปรับลดขนาดงบดุล 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ในการประชุมรอบ พ.ค.) แต่เห็นบางตลาดหุ้น อาทิ 1.) สหรัฐเมื่อวานตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้นมา(Rebound) โดย Sector หุ้นในสหรัฐที่แข็งแกร่งและปรับขึ้นติดต่อกันในช่วงนี้ คือ หุ้น Defensive คือ กลุ่มการแพทย์(Heath) +1.86% และกลุ่มสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต (Consumer Staples) +1.18% 2.) เช้านี้ตลาดหุ้นเอเซีย นำโดย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ชะลอการปรับลงและฟื้นตัวขึ้นมา(Rebound) ประเมินตลาดหุ้นเอเซียอื่นๆ ในวันนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวตาม
แต่อย่างไรก็ตาม KS ยังคงมุมมองเดิม คือ มองไปถึงสัปดาห์หน้า คือ ตลาดหุ้นโลก ระยะสั้นมีแนวโน้มทิศทางจะเป็นลักษณะแกว่งตัวลง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ และดูเหมือนว่าปัจจัยกดดันยังคงมีอยู่ อาทิ นโยบายการเงินตึงตัว(Hawkish) จากธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) โดยติดตามวันอังคารที่ 12 เม.ย. รายงานเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน มี.ค. ตลาดคาด 8.3%YoY เพิ่มขึ้นจาก 7.9% ในเดือน ก.พ. หากออกมามากกว่าคาด คาดตลาดหุ้นอาจผันผวน หรือ ประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อต่อ ล่าสุด เช้านี้ สภาคองเกรสสหรัฐฯ ลงมติเพิกถอนสถานะการค้าของรัสเซีย ห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซ ภาพการคว่ำบาตร (Economics Sanction) กับรัสเซีย จากประเทศฝั่งสหรัฐ และยุโรปยังมีสร้างแรงกดดันรายวัน ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ตลาดจะให้น้ำหนัก คือ สัปดาห์หน้ารายงานผลประกอบการงวด 1Q65 จะเริ่มจากการประกาศธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ
ตลาดในประเทศ : ตลาดหุ้นไทย หลังจากปรับฐานลงตามต่างประเทศ แต่วันนี้เชื่อว่าจะมีแรงหนุนช่วงสั้น จากล่าสุด สถาบันจัดอันดับเครดิต Rating คือ Moody’s ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทย ที่ Baa1 ตามที่ KS เคยนำเสนอก่อนหน้า โดย KS เชื่อว่าประเด็นที่ให้น้ำหนักและมีผลต่อการลงทุนหลังจากนี้ โดยวันนี้มี 2 ประเด็นต้องติดตาม คือ 1.) ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเดือน มี.ค. คาด -2.7% MoM เป็น 42.1 จุด อาจเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก 2.)ติดตามวันนี้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ถกมาตรการรองรับโควิดช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่จะมีการหารือเดินหน้าเปิดประเทศเร็วขึ้น ? ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น และหุ้นกลุ่มเปิดเมือง กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน
ส่วนสัปดาห์หน้าคาดตลาดจะให้น้ำหนักการประกาศผลประกอบการ(Earning) ในงวด 1Q65 เริ่มจากกลุ่มธนาคาร KS ได้ทำพรีวิวคาดกำไรกลุ่มธนาคารจะโตขึ้น 10% QoQ และ 1% YoY จากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญและอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่ลดลง โดยหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร คือ SCB และ KKP ส่วน Sector อื่นๆ โดยในช่วงนี้นักวิเคราะห์ KS อยู่ในช่วงทำพรีวิว KS ได้รวบรวมบริษัทที่ได้ทำการศึกษา ในเบื้องต้น 1.) บริษัทกำไรงวด 1Q65 คาดจะ +%QoQ และ+%YoY อาทิ BAY,KTB, SCB, KTC, BDMS 2.) กำไร คาด +%QoQ แต่ -%YoY อาทิ BBL,AEONTS, DTAC 3.) -%QoQ แต่ +%YoY อาทิ KKP, RJH 4.) -%QoQ และ -%YoY อาทิ TISCO,TTB, TU, PTTEP, CPF,ADVANC
กลยุทธการลงทุน : KS ยังคงมุมมองเดิมคือ ตลาดหุ้นโลกและ SET Indexในวันนี้ และมองไปสัปดาห์หน้าคาดยังจะแกว่งตัวลง (Sideway Down) แต่ยังไม่ใช่ขาลง คาดระยะสั้นมีโอกาสผันผวนจากประเด็น Fed โดยรวมทำให้ ยังคงแนะนำ “ยังไม่เพิ่มน้ำหนักพอร์ตการลงทุน” ยังแนะนำ Take profit หุ้นที่มีกำไร และ Trading โดยเป็นวิธีการการสับเปลี่ยนกลุ่ม(Rotation) ไปในกลุ่มที่หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว และมีความแข็งแกร่งช่วงที่ตลาดผันผวนหลักๆแนะนำ 3 กลุ่มหลัก คือ 1.)กลุ่มการแพทย์ BH BDMS 2.กลุ่ม Utilitiesโรงไฟฟ้า (GULF, GUNKUL,GPSC) 3. กลุ่ม REITS ( อาทิ ALLY, B-WORK, DIF) ส่วนหุ้นลงทุนในช่วงไตรมาส 2 คือ กลุ่ม Growth อาทิ COM7 และ Tech Consult อาทิ (BBIK, BE8) กลุ่มการเงิน (TIDLOR, ASK ,THANI, AEONTS, BAM CHAYO) กลุ่มเครื่องดื่ม (SAPPE, CBG, OSP) กลุ่ม ICT (DTAC, TRUE) ส่วนกลุ่มชะลอการลงทุน คือ กลุ่มปิโตรเคมี และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1680-1685 หุ้นแนะนำ GULF
Top pick :
GULF (ราคาพื้นฐาน 46.75 บาท) GULF กำลังพัฒนาโครงการอีกหลายโครงการ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยขยายพอร์ตธุรกิจด้านพลังงานและธุรกิจดิจิทัลต่อไปในอนาคต รวมถึงเพิ่มการเติบโตในระยะยาว และบริษัทมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจศูนย์ข้อมูลที่มีกำลังการผลิต 20-40 เมกะวัตต์ในเฟสแรก พร้อมตั้งเป้าที่จะได้ส่วนแบ่งการตลาดอย่างน้อย 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันศุกร์ ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นเดือน มี.ค. คาด -3.7% MoM เป็น 34 จุด และตัวเลข Wholesale inventories ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +2.1% MoM