บล.ไอร่า:

SCC ปูนซิเมนต์ไทย คาด 1Q/65 กำไรสุทธิ ~8,535 ล้านบาท +3% qoq แต่ -43%yoy

  • คาด 1Q/65 มีรายได้ 148,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%qoq และ 21%yoy หลักๆ จาก (1) ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี โดยเฉพาะ HDPE +6%qoq และ +15%yoy อยู่ที่ 1,321 USD/ตัน ขณะที่ PP +23%qoq แต่ -15%yoy เนื่องจาก 1Q/64 ราคา PP ปรับเพิ่ม (ชั่วคราวจาก Supply Loss ในสหรัฐฯ คาดปริมาณขาย Polyolefins ใกล้เคียง 500,000 ตัน (2) ธุรกิจ CBM คาดได้รับปัจจัยหนุนทั้งจาก High Season และราคาขายสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นได้บางส่วน และ (3) ธุรกิจ Packaging คาดรับรู้รายได้เต็มปีจากธุรกิจที่ M&P ในปีที่ผ่านมา
  • อย่างไรก็ตามคาดความสามารถทำกำไร 1Q/65 ถูกกดดันจาก (1) ราคา Naphtha เฉลี่ยอยู่ที่ 892 USD/ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกับราคาน้ำมัน (อิง Brent) +21%qoq และ 59%yoy อยู่ที่ -100 USD/บาร์เรล (Min/Max 79 USD/บาร์เรล และ 131 USD/บาร์เรล) ทำให้ส่วนต่าง HDPE และ PP อยู่ที่ 429 USD/ตัน (-15%qoq, – 27%yoy) และ 461 USD/ต้น (-18%qoq, -42%yoy) และคาดมี Stock Gain -700-800 ล้านบาท และ (2) คาดธุรกิจ CBM ได้รับผลกระทบต้นทุนที่คาดเพิ่มขึ้น 10% (สุทธิหลังได้ประโยชน์จากการใช้ AFR ทดแทนถ่านหินบางส่วน) ทำให้คาดภาพรวม 1Q/65 คาดกำไรสุทธิ +3%qoq แต่ลดลง 43%yoy อยู่ที่ -8,535 ล้านบาท
  • ภายใต้สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ และหากกลับมามารุนแรง อาจส่งผลต่อราคา สินค้า Commodity รวมถึงน้ำมันและถ่านหินได้อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนจากราคา Naphtha และ ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม SCC ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมลดความเสี่ยงดังกล่าว โดย (1) Lock Margin และ Lean Stock ให้ต่ำกว่า 10 วัน จากเดิม -2 สัปดาห์ เพื่อลดความผันผวนราคาน้ำมัน (2) คงนโยบาย Order ถ่านหินล่วงหน้า 6-9 เดือน ซึ่งปัจจุบันมีเพียงพอถึงเดือนม.ค. 66 และสิ้นปี’65 มีนโยบายลดสัดส่วนการใช้ถ่านหินให้อยู่ที่ 40-50% และ (3) เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ HVA เพื่อลดความผันผวนราคาที่อิงกับสินค้า Commodity
  • คาดในระยะสั้นราคาหุ้น SCC ถูกกดดันจากผลประกอบการ 1Q/65 ที่คาดกำไรสุทธิได้รับผลกระทบจากจากต้นทุน ขณะที่ระยะถัดไปยังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ข้างต้น ที่ทําให้ราคานํามันมีความผันผวนและส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคา Naphtha ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในธุรกิจปิโตรเคมี (45% ของรายได้ และ 60% ของกำไรสุทธิปี’64) ทำให้มีโอกาสทบทวนประมาณการกำไรสุทธิปี’65 จากเดิมคาดอยู่ที่ 50,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%
  • ประเมินราคาเป้าหมาย 470.00 บาท อิง PE 11X โดยในระยะยาว SCC ยังมีความน่าสนใจจากนำธุรกิจปิโตรเคมีเข้าจดทะเบียน คาดภายในปี’65 คาดช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโต เช่นเดียวกับ Packaging พร้อมฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยเฉพาะในช่วงราคาปรับลดลงจากภาพรวมตลาดฯ ที่ยังมีความผันผวนอยู่
- Advertisement -