บล.บัวหลวง:

Electronics เด้งหลอกหรือรอบใหม่?

ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอกนิกส์ปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง แต่เริ่มเห็นการฟื้นตัวในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เรามองว่ายังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นการลงทุนควรเลือกหุ้นที่สามารถยืนหยัดต่อรอบขาลงได้ อ้างอิงจากการฟื้นตัวของราคาหุ้นล่าสุด เรายังไม่แน่ใจว่าเป็นการฟื้นตัวระยะสั้นและปรับตัวลงต่อหรือไม่ ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าการมองเชิงอนุรักษ์นิยมดีกว่ามองเชิงบวกสำหรับด้านมูลค่า และมองอย่างระมัดระวังมากกว่ากว่ามองบวกต่อกําไร

ผลกระทบเชิงลบจากสองเหตุการณ์ใหญ่

โลกยังคงเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ยืดเยื้อ ถึงแม้ว่าในบางกลุ่มจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันสถานการณ์ที่รัสเซียบุกยูเครนมีโอกาสที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทานของวัตถุดิบ สำหรับการผลิตชิปและคำสั่งซื้อจำนวนมากที่จะไหลเข้ามาจากความต้องการกักตุน ซึ่งจะส่งผลให้การขาดดุลตึงตัวมากขึ้นและราคาจะพุ่งขึ้นอีก การผลิตนีออนและแพลเลเดียม ซึ่งเป็นสองวัตถุดิบสำคัญในการผลิตไมโครชิปจะได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากประเทศรัสเซียเป็นอุปทานมากกว่า 40% ของเพลเลเดียมของโลก ขณะที่ประเทศ ยูเครนผลิตนีออนกว่า 70% ให้แก่อุปทานโลก นอกจากนี้ในปัจจุบันทางยุโรปมีสัดส่วนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกที่ 10%

ถึงแม้ว่าผู้ผลิตจะมีแผนฉุกเฉิน เช่น การกระจายอุปทานและรักษาระดับสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับสูง แต่ผลกระทบระยะยาวของความขัดแย้งนี้ ยังคงไม่แน่นอน นอกจากนี้ต้นทุนการขนย้ายและโลจิสติกส์ที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นเป็นวงกว้าง นอกจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน การล็อคดาวน์ในหลายเมืองของประเทศจีนเพื่อควบคุมการระบาดของโควิดจะส่งผลให้การขนส่งล่าช้าสําหรับทุกสายผลิตภัณฑ์ (โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับโทรศัพท์และ PC) และจะยังคงกดดันห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง

อยู่ระหว่างการปรับสินค้าคงคลังสําหรับสินค้ากลุ่ม Consumer Electronics

อ้างอิงจากช่องทางข้อมูลสินค้าคงคลังและตัวติดตามเวลาของ Morgan Stanley การปรับสมดุลครั้งใหญ่กำลังดำเนินการอยู่ผ่าน PC และฮาร์ดแวร์ สำหรับสินค้าประเภท Consumer Electronics ขณะที่อุปทานในตลาดปลาย น้ำที่เกี่ยวข้องกับองค์กรยังคงท้าทายอยู่ ดังนั้นเรายังคงมองบวกต่อกลุ่ม data center ที่อุปสงค์ยังคงแข็งแกร่ง  บวกกับสินค้าคงคลังยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด และระมัดระวัง PC และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สําหรับ Consumer Electronics มากขึ้น เนื่องจากสินค้าคงคลังอยู่ในระดับเดียวกัน หรือสูงกว่าช่วงก่อนโควิดแล้ว (โดยอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ ผู้บริโภคอยู่ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด 4% ขณะที่ PC สูงกว่า 13%) การชะลอตัวของความต้องการสมาร์ทโฟนในประเทศจีนก็อาจจะเป็นอีกปัจจัยกดดัน เช่นกัน

สินค้าคงคลังระดับค่าสําหรับกลุ่มยานยนต์

สงครามรัสเซีย-ยูเครนจะส่งกระทบเป็นสองเท่าต่อกลุ่มยานยนต์ เนื่องจากต้องเจอกับปัญหาราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้นและโอกาสที่การขาดแคลน ชิปเซมิคอนดักเตอร์จะขาดดุลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คาดการผลิตยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนของความพร้อมของวัสดุ/ชิ้นส่วนที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม สินค้าคงคลังในส่วนของยานยนต์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ (โดยเฉพาะในส่วนของ ICE) แบรนด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สําหรับผู้บริโภค และ EV คือสิ่งสําคัญอันดับแรกสําหรับผู้ผลิตชิป เนื่องจากเป็นลูกค้าที่มีมูลค่าสูงกว่าสําหรับผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ถึงแม้ว่าการผลิตยานยนต์จะลดลงอีก แต่ความต้องการยังคงแข็งแกร่งจากระดับสินค้าคงคลังที่อยู่ระดับต่ำ

- Advertisement -