ผู้ถือหุ้น ZIGA พร้อมใจยกมือโหวตผ่านทุกวาระ พร้อมเดินหน้าลุยพัฒนาธุรกิจ Digital Technology – FinTech เต็มรูปแบบ ผ่านบริษัทย่อย “วิสเดน กรุ๊ป” หลังจากเดินเครื่องขุดบิทคอยน์ที่มีอยู่ 400 เครื่องเต็มกำลัง  มั่นใจแผนธุรกิจมาถูกทาง พร้อมลุยธุรกิจบลูโอเชี่ยน ระบุงวดไตรมาส 1/65 สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ได้เต็มไตรมาสครั้งแรก ขณะที่ธุรกิจเหล็กสัญญาณดี ออเดอร์เข้าต่อเนื่อง มั่นใจดันผลงานปีนี้โตเข้าเป้าที่ระดับ 15-30%   

 

นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) ZIGA เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติทุกวาระที่บริษัทเสนอมา ซึ่งจากนี้ไปบริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาการต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นในธุรกิจ Digital Technology กับ Financial Technology หรือ FinTech หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเข้าไปลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ ผ่านบริษัท ซิก้า เอฟซี จำกัด (ZIGA FC) ปัจจุบันมีเครื่องขุด จำนวนรวม 400 เครื่อง รวมทั้งอยู่ระหว่างการพิจารณาจะเพิ่มจำนวนเครื่องขุดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีผ่านบริษัทย่อย ประกอบด้วย บริษัท เมอร์ลินตั้น อินโนเวชั่น จำกัด เพื่อการลงทุนและพัฒนาธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับ Digital Technology และบริษัท วิสเดน กรุ๊ป จำกัด เพื่อนำร่องในการทรานสฟอร์มธุรกิจเข้าสู่โหมดเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว โดยเริ่มต้นด้วยตัวเหมืองขุดบิดคอยน์ เพื่อการลงทุนธุรกิจที่ให้บริการทางการเงินที่นำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ (Financial Technology หรือ FinTech) เพื่อขยายภาพของธุรกิจ ZIGA ให้มีความเป็นเทคโนโลยีมากขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าดิจิตอลแอสเซ็ท เพิ่มศักยภาพด้านบล็อกเชน สำหรับภารกิจสำคัญของวิสเดน กรุ๊ป คือการออกแบบธุรกิจ มองหาโอกาสใหม่ๆ โดยในช่วงแรก หรือเป้าหมายระยะสั้น บริษัทจะเน้นในเรื่องของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตลาดสามารถจับต้องได้ เน้นในเรื่องของการวิจัยและพัฒนา (R&D) ทดลองและพัฒนานวัตกรรมทางการเงินและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพัฒนาและบริหารผลิตภัณฑ์ทางการเงิน พร้อมเปิดกว้างในการค้นหาพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขยายงานด้านเทคโนโลยี เพื่อมุ่งสู่ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ

“การพัฒนาต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีจากเหมืองขุดบิทคอยน์ สามารถดำเนินการได้หลากหลายรูปแบบ และจะสนับสนุนให้บริษัทมีฐานรายได้ใหม่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจเทคโนโลยียังถือเป็นบลูโอเชี่ยน และจะเป็น New S-Curve ใหม่ของบริษัท ขณะเดียวกัน ธุรกิจเหล็ก ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิม ยังมีแนวโน้มที่ดี เนื่องมีออเดอร์ของโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้มั่นใจว่า ทั้งสองธุรกิจจะช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต” นายศุภกิจกล่าว

สำหรับภาพรวมของธุรกิจในไตรมาส 1/65 ยังคงรักษาการเติบโตได้ดี เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์ได้เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก ขณะที่ธุรกิจเหล็กมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากการเน้นกลยุทธ์การตลาดในส่วนการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือท่อประปาที่คาดว่าจะเข้ามารองรับความต้องการจากลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีมากขึ้น น่าจะช่วยผลักดันให้ผลงานในปี 2565 เติบโตในระดับ 15-30% ตามเป้าหมายที่วางไว้

********

- Advertisement -