ติดตามการติดเชื้อหลังผ่านสงกรานต์ ยังเน้นหาจังหวะลดพอร์ต

สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์แรกหลังเสร็จสิ้นเทศกาลสงกรานต์ ปัจจัยที่ต้องจับตาบ้าง ได้แก่ ภาพรวมการติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ เนื่องจากเกิดการท่องเที่ยวและการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชน แม้การติดเชื้อล่าสุด จะลดลงมาอยู่เพียง 1.7 หมื่นราย ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน อย่างไรก็ตาม อาจเกิดจากปริมาณการเข้าตรวจที่ลดน้อยลงเพราะเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่เสียชีวิตเร่งตัวขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ 128 รายสูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะเดียวกัน COVID-19 ในจีนก็เป็นที่ต้องจับตาใกล้ชิดการติดเชื้อ ล่าสุดในวันที่ 15 เม.ย. อยู่ที่ 52,951 ราย (สูงสุดในประวัติการณ์) ทั้งนี้หากจีนยังคงดำเนินมาตรการ Zero COVID-19 ย่อมแลกมากับความเสียหายทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงอุปทานขาดแคลน ซึ่งปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศที่มีมูลค่าส่งออกสินค้าสูงสุดอันดับแรกของโลก ด้วยมูลค่าราว 3.3 ล้านล้าน $ ขณะที่ไทยก็พึ่งพิงการส่งออกไปจีนค่อนข้างสูง (อันดับ 2) ของประเทศที่ส่งออกทั้งหมดและคิดเป็น 11.4% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดใน เดือน ก.พ. 22 ด้านบริษัทจดทะเบียนพบว่ามี (CBG CPF HANA NER SPA) ขณะที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ น้ำมัน (PTTEP) เดินเรือ (PSL TTA) ปิโตรเคมี (PTTGC IVL)

ถัดมาจะเป็นเรื่องของผลประกอบการ 1Q22 อิง Bloomberg คาดว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดจะรายงานในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นสำหรับ 6 ธนาคารพาณิชย์ที่เราดูแล (BBL KBANK KKP KTB SCB TTB) คาดกำไรสุทธิรวมกันที่ 4.05 หมื่นล้านบาท (+8%YoY, +20%QoQ) หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น ผลจากสินเชื่อที่เติบโตขึ้น และสำรองหนี้ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เราเริ่มมีมุมมองเชิงระมัดระวังมากขึ้นต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์

สืบเนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อ ความไม่สงบภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง ยูเครน-รัสเซีย จึงอาจบั่นทอนสินเชื่อ และเพิ่มแรงกดดันต่อการสำรองหนี้ฯในอนาคตจากนี้ แต่ยังเลือก BBL KBANK เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เนื่องจากงบดุลที่ยืดหยุ่น พร้อมกับการเติบโตของกำไรและราคาหุ้นไม่แพง ส่วนปัจจัยอื่นๆ ในวันศุกร์จะมี 2 ปัจจัย ได้แก่ การรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทย และการแถลงของประธาน FED โดยประเมินกรอบ SET ทั้งสัปดาห์ 1650 – 1680 กลยุทธ์การลงทุน ยังเน้นระมัดระวังต่อการลงทุน ควรเพิ่มการถือครองเงินสด เนื่องจากกังวลถึง Valuation ที่แพง และการปรับลดประมาณการช่วงถัดไป ระยะสัปดาห์แนะค้าปลีก (BJC CRC CPALL) มองเป็นกลุ่มที่ผลกระทบน้อยสุด ทั้งจากเงินเฟ้อและปัจจัยต่างประเทศ รวมถึงสื่อสาร (ADVANC INTUCH) โรงพยาบาล (BCH CHG)

BJC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 40 บาท) คาดผลประกอบการจะค่อยๆ ดีขึ้นในปี 2022 จากจุดต่ำสุดในปี 2021 หนุนจาก 1) ผลประกอบการ BigC ที่ดีขึ้น 2) ยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ฟื้นตัวที่แข็งแกร่งทั้งในไทยและเวียดนาม 3) รายได้ค่าเช่าฟื้นตัวจากการให้ส่วนลดค่าเช่าที่ลดลง

INTUCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 82 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ได้ประโยชน์จาก ADVANC ที่เป็นผู้เล่นดีที่สุดในอุตสาหกรรม ขณะที่ ADVANC ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่ดีขึ้น ส่วนธุรกิจ THCOM แม้มีแนวโน้มไม่ดี แต่ไม่มีนัยต่อการประเมินมูลค่า

 

*หมายเหตุ ชุดหุ้นที่แนะนำ เหมาะสำหรับการซื้อเพื่อถือลงทุน 1-14 วัน หากนักลงทุนมีกำไรก็สามารถทำกำไรได้ โดยแนะตั้ง Stop loss หากขาดทุนเกินกว่า 5% ส่วนราคาเป้าหมายเป็นราคาภายใน 1 ปีจากปัจจุบันที่มาจาก ปัจจัยพื้นฐาน

- Advertisement -