Daily Focus: Selective and Value Play

2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงเล็กน้อย โดยมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาวสงกรานต์ โดยดัชนีปิดลบ 4.12 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้น 916 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 743 ลบ. (สถานะใน SET50 Index Futures เบาบางไม่มีนัยยะ)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways Down ลงหากรอบในกรอบ 1,665-1,670+- จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังค่อนไปในทางลบ แม้ภาพรวมจะยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น เนื่องจากตลาดต่างประเทศวันศุกร์ปิดทำการเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์ แต่เม็ดเงินยังคงไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะดึงตัวเร็ว ทำให้หุ้นที่มี PER สูงอย่างกลุ่ม Growth และ Tech ยังคงเผชิญแรงขาย เราประเมินว่า SET Index มีโอกาสแกว่งพักตัวระยะสั้นในช่วงสั้น 1-2 เดือนนี้ และมีโอกาสอ่อนลงหาระดับ 1,600-1,650+- จุด อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นโอกาสในการ “สะสม” เพื่อถือลงทุนระยะกลางยาว โดยยังให้น้ำหนักบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่โตเร่งตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะฟื้นชัดขึ้นใน 2H22 เป็นต้นไป หุ้นที่เราชอบยังคงเป็นกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่มี PER/PBV ต่ำ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น ส่วนระยะสั้นจับตาการประกาศกำไร 1Q22 กลุ่มธนาคารสัปดาห์นี้

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนหุ้นที่ยังมี Valuation ต่ำ และยังเน้น Value และ Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BCP, ICHI, IVL, ORI, SHR

หุ้นเด่นวันนี้ : SC

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท
  • แม้ 1Q22 จะเปิดตัวแนวราบเพียง 2 โครงการ แต่ทำ Take-up rate สูงเช่นเดียวกับปีก่อนหน้า บวกกับเน้นขายแนวราบระดับบนที่ถนัดยังไปได้ดี ทำให้ยอด Presales 1Q22 คาดยังแข็งแรง 5.2 พันลบ.คิดเป็น 24% ของเป้าทั้งปี ขณะที่ 2Q22 จะเปิดโครงการใหม่เร่งขึ้นอย่างมีนัย หนุนโมเมนตัมยอด Presales เร่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เรายังคาดกำไรปกติปี 2022 +17% Y-Y ระยะสั้นงบ 1Q22 อาจอ่อนลงระยะสั้น แต่จะฟื้นตัวใน 2Q22 และเร่งขึ้นเด่นใน 2H22 ปัจจุบันราคาเทรด PER เพียง 7 เท่า และให้ Dividend Yield ราว 5.3%
  • แนวรับ 3.82-3.78 บาท แนวต้าน 4//4.10 บาท

Fund Flow: ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมากระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$1,483 ล้าน ยังคงนำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$746 ล้าน และ US$980 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินโดยรวมไหลเข้า แต่กระจุกตัวที่อินโดนีเซีย US$192 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออกจาก Bond Yield สหรัฐฯและ Dollar Index ที่ปรับตัวขึ้นอีกครั้ง สะท้อนเม็ดเงินที่ยังไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) ตลาดหุ้นต่างประเทศช่วงหยุดสงกรานต์แกว่งตัวผันผวน ตัวเลข CPI เดือน มี.ค. ของสหรัฐฯออกมาสูงตามที่ตลาดคาด +1.2% M-M, +8.5% Y-Y ส่วน PPI +1.4% M-M, +11.2% Y-Y สูงกว่าตลาดคาด ทำให้ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับดอกเบี้ยและนโยบายการเงิน FED ที่จะตึงตัวเร็ว ขณะที่การประชุม ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ย แต่มีแผนยุติโครงการ APP ใน 3Q22 เร็วกว่าที่เคยระบุก่อนหน้า ส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Tech ปรับตัวลง โดยเฉพาะ Nasdaq ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรงหลัง EU กำลังร่างมาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยภาพรวมเรายังมองหุ้น Value และ Domestic Play ยังแข็งแกร่งกว่า ส่วนสัปดาห์นี้จับตาการเริ่มประกาศกําไร 1Q22 กลุ่มธนาคารเริ่มที่ TISCO วันนี้ ตลาดคาด +1% Q-Q, +2% Y-Y จากสำรองที่ลดลง และคาดยังควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี

(+) NSL คาดกำไร 1Q22 +34% Q-Q, +5% Y-Y ดีกว่าที่เคยคาดจากปริมาณขายที่ฟื้นตัวได้แข็งแกร่ง และปรับขึ้นราคาสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น รายได้ 1Q22 คาดโต Y-Y ได้สูงกว่า SSSG ของ 7-11 แนวโน้มกำไรยังดูดีต่อเนื่องใน 2Q22 เพราะเข้าสู่ช่วง High Season ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปี 2022 +28% Y-Y ขณะที่ภาพรวมต้นทุนวัตถุดิบค่อนไปในทางทรงตัว และสอดคล้องกับประมาณการของเรา เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2022 +30% Y-Y คงราคาเป้าหมายที่ 21 บาท ราคาหุ้นปรับลงจน Valuation น่าสนใจ คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) SAPPE คาดกำไร 1Q22 +136% Q-Q, +50% Y-Y เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เหมือนใน 4Q21 และรายได้ส่งออกยังเติบโตแข็งแกร่ง ช่วยหักล้างการอ่อนลงของรายได้ในประเทศ และยังมีสต็อก Pet Resin พอใช้ถึงกลางปี 2022 รวมถึง Product Mix ที่ดี ทำให้ Gross Margin คาดยังทรงตัวสูง กำไร 2Q22 จะเร่งตัวเพราะเข้า High Season และมีแผนทยอยออกสินค้าใหม่มากขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นการเติบโตของตลาดอินเดียที่เร่งขึ้นตัวและมีศักยภาพสูงจากจํานวนประชากรที่มากเป็นอันดับ 2 ของโลก และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชื่นชอบใน โมกุ โมกุ เรายังคาดกําไรสุทธิปี 2022 +6% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 33 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) PJW การเซ็น MOU กับ EA เพื่อผลิตเปลือกแบตเตอรี่และระบบหล่อเย็นจะเริ่มรับรู้รายได้ปี 2023 ในช่วงแรกของการผลิตจะเน้นรถเพื่อการพาณิชย์ และนำองค์ความรู้ที่ได้มาพัฒนาเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์สําหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้า ซึ่งใช้โลหะต่อ KW มากกว่ารถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ราวเท่าตัว และเป็นตลาดที่ใหญ่กว่ามาก เราคาดรายได้จากธุรกิจใหม่ 100 ล้านบาทใน ปี 2023 และเพิ่ม +65% Y-Y และ +50% Y-Y ในปี 2024-2025 ผลักดันให้สัดส่วนรายได้ จาก Auto parts เพิ่มขึ้นจากปี 2021 ที่ 28% เป็น 41% ในปี 2024 เราปรับเพิ่มกำไรปีปี 2022-2024 เป็น +17% CAGR ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 6.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) ตลาดดาวโจนส์ วันที่ 14 เม.ย. ปิดที่ 34,451.23 จุด ลดลง 113.36 จุด หรือ 0.33% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้น รวมถึงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ปิดทำการวันที่ 15 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday

(0) ตลาดหุ้นยุโรป วันที่ 14 เม.ย. ปิดบวกหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) คงนโยบายการเงินไม่เปลี่ยนแปลง และส่งสัญญาณที่จะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่ปิดทำการวันที่ 15 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday

(-) ตลาดหุ้นเอเชียปรับลง ท่ามกลางติดตามจีนรายงานตัวเลข GDP 1Q22 ในเช้านี้

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 33.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX วันที่ 14 เม.ย. เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 106.95 ดอลลาร์/บาร์เรล จากรายงานว่าสหภาพยุโรป (EU) กำลังร่างมาตรการเพื่อคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่ปิดทำการวันที่ 15 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday

(0) ราคาทองคำ COMEX วันที่ 14 เม.ย ลดลง 9.8 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,974.9 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่ปิดทำการวันที่ 15 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,099.48 / +8.99

- Advertisement -