Daily Focus: Earnings and Value Play

2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Down ตามคาด โดยยังถูกกดดันจากนโยบายการเงินทั่วโลกที่ดึงตัวจากเงินเฟ้อที่ยังสูง โดยดัชนีปิดลบ 6.28 จุด ณ สิ้นวัน โดยกลุ่มพลังงานประคองตลาดได้บ้างตามคาคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 519 ลบ.และ 165 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short SET50 Index Futures หนาแน่น 1.1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,660-1,675+- จุด โดยตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัวได้บ้างเช้านี้ หลังจีนเตรียมช่วยเหลือทางการเงินต่อธุรกิจที่ถูกกระทบจาก COVID-19 อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวคาดว่ายังจำกัด โดยยังคงถูกกดดันจากประเด็นเงินเฟ้อที่เร่งตัวทั่วโลก ซึ่งตามมาด้วยนโยบายการเงินของธนาคารกลางที่ตึงตัวเร็ว โดยเฉพาะ FED ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar Index ยังไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนเม็ดเงินที่ออกจากสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ล่าสุด World Bank ปรับลด GDP โลกปีนี้ลงเหลือ +3.2% Y-Y จาก +4.1% ช่วงต้นปี จากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งล่าสุดกำลังแย่งชิงภูมิภาคดอนบาส เราประเมินว่า SET Index มีโอกาสพักตัวในช่วงสั้น 1-2 เดือนนี้หาระดับ 1,600 1,650+- จุด อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นโอกาสในการ “สะสม” เพื่อถือลงทุนระยะกลางยาว โดยยังให้น้ำหนักบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยใน จากเศรษฐกิจที่โตในอัตราเร่ง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะฟื้นชัดขึ้นใน 2H22 เป็นต้นไป หุ้นที่เราชอบยังคงเป็นกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่มี PER/PBV ต่ำ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น ส่วนระยะสั้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดประกาศผลประกอบการ 1Q22 แข็งแกร่ง

กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 1Q22 แข็งแกร่ง และยังเน้นลงทุนหุ้น Value และ Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BCP, ICHI, IVL, ORI, SHR

หุ้นเด่นวันนี้ : ICHI

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บาท
  • ระยะสั้นคาดกำไร 1Q22 ฟื้นตัว +7% Y-Y แม้รายได้ส่งออกจะชะลอตัว และถูกกระทบจากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ปรับขึ้น แต่ชดเชยได้จากรายได้ในประเทศที่โตแข็งแกร่ง ขณะที่ส่วนแบ่งกําไรจากอินโดนีเซียยังดีต่อเนื่อง
  • โมเมนตัม 2Q22 จะเร่งตัวจาก High Season และรับรู้รายได้จากไบเล่เต็มไตรมาส รวมถึงมีแผนออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ส่วนลูกค้า OEM คาดเห็นใน 3Q22 เป็นต้นไป เรายังคาดกำไรปี +18% Y-Y
  • แนวรับ 11.20 บาท แนวต้าน 11.90-12.20 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$468 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$351 ล้าน และ US$157 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังคงไหลเข้าอินโดนีเซีย US$48 ล้าน แข็งแกร่งสุดในภูมิภาค ขณะที่ไทยและฟิลิปปินส์ไหลออกบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกจาก Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar Index ที่ยังไต่ระดับขึ้นจากนโยบายการเงินของ FED ที่จะดึงตัวเร็ว ทำให้เม็ดเงินยังออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) TISCO ประกาศกำไร 1Q22 ออกมาตามคาด +1% Q-Q, +2% Y-Y และเราเห็นประเด็นบวกจากสินเชื่อที่โตได้เล็กน้อย และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี แนวโน้ม 2Q22 จะเร่งตัวเล็กน้อยทั้ง Q-Q และ Y-Y ด้วย Coverage Ratio ที่สูงถึง 262% ทำให้คาดว่าการตั้งสำรองจะต่ำกว่าปีก่อนมาก เราคาดกำไรปี 2022 +4% Y-Y ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 110 บาท และคาดหวัง Dividend Yield 8-9% ต่อปี แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) HL คาดกำไร 1Q22 +27% Q-Q, +100% Y-Y ดีกว่าที่เคยคาดมากจาก SSSG ที่คาด +36% Y-Y จากจำนวนบิลที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยส่วนหนึ่งเกิดจากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังเข้าตลาดฯ นอกจากนี้ยังปรับเพิ่มแผนเปิดสาขาใหม่เป็น 10 สาขา จากเดิม 4-5 สาขา หลังได้รับการเสนอ Location เข้ามามากขึ้น เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2022 ขึ้นเป็น +63% Y-Y และอยู่ระหว่างทบทวนราคาเป้าหมายขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER สูงถึง 63 เท่า จึงแนะนำ “เก็งกําไรอย่างระมัดระวัง”

(0) FSMART คาดกำไรปกติ 1Q22 ทรงตัว Q-Q, -11% Y-Y สถานการณ์ COVID-19 ที่ยืดเยื้อกระทบกำลังซื้อของผู้มีรายได้ระดับกลาง-ล่าง ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของตู้บุญเติม ผลประกอบการจะดีขึ้นในไตรมาสถัดๆ ไป จากการ Re-locate ตู้บุญเติมให้อยู่ในสถานที่ที่มี Traffic มากขึ้น ทําการตลาดมากขึ้น ให้ลูกค้ารู้จักบริการใหม่โดยเฉพาะการโอนเงินและเติมเงินเข้า E-wallet ส่วนธุรกิจตู้เต่าบินยังคงได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม บริษัทยังหาวิธีเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นมากกว่า 20% เพื่อให้ผลประกอบการของเต่าบินสะท้อนในงบการเงิน ราคาหุ้นปัจจุบันสูงเกินราคาเป้าหมายที่ 16 บาท จึงลดค่าแนะนำเป็น “เก็งกำไร” การถือหุ้นเพิ่มใน FVD เพื่อรับรู้ส่วนแบ่งกําไรของเต่าบินในงบฯ

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 39.54 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 34,411.69 จุด กดดันจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ที่แตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปลายปี 2018 ท่ามกลางติดตามรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ

(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทำการวันที่ 18 เม.ย. เนื่องในวัน Easter Monday

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น หลังจีนรายงาน GDP 1Q22 ขยายตัว 4.8% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงตลาดโตเกียวได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวกับ Semiconductor

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 33.73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 108.21 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันดึงตัวในตลาดโลก หลังบริษัทเนชั่นแนล ออยล์ คอร์ปอเรชั่น (NOC) ของรัฐบาลลิเบียระงับการกลั่นน้ำมัน เนื่องจากการประท้วงของคนงาน

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 11.5 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 1,986.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1100.36 / +0.88

- Advertisement -