Our View? “ฟื้นบ้างอะไรบ้าง”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,665 / 1,660 และแนวต้านที่บริเวณ 1,680 / 1,690 คาดตลาดยังคงเผชิญแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US-Bond Yield) ยังคงเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงอยู่ที่บริเวณ 2.88 % สูงสุดในรอบ 3 ปี คาดจะเป็นปัจจัยเร่งให้ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยง/สินทรัพย์ปลอดภัย (Earning Yield Gap) แคบลงเร็วต่อเนื่อง ลดความน่าสนใจของราคาสินทรัพย์เสี่ยง กดดัน-จํากัด Upside ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ จากความกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการประชุม FOMC วันที่ 3-4 พ.ค. นี้ คาดมีโอกาสเห็น FED จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับครั้งละ 50 BPS ในการประชุม 1-2 ครั้งที่จะถึงนี้ รวมทั้งจะเริ่มการปรับลดขนาดของงบดุล (QT) เดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจบการประชุมสะท้อนกระแสเงินทุนส่วนเกินจะเริ่มลดลง เป็นปัจจัยกดดัน-จํากัด Upside ของตลาดได้อยู่

ในส่วนราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. เมื่อคืนนี้ยังคงฟื้นตัวขึ้นต่อ +1.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.21 ดอลลาร์/บาร์เรล (+1.18%) จากแรงหนุนจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติของรัฐบาลลิเบียได้ระงับการกลั่นน้ำมัน เนื่องจากการประท้วงของคนงาน คิดเป็นราว 3.7% ของกำลังการผลิตน้ำมันในกลุ่ม OPEC มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงมีมุมมองเชิงลบต่อราคาน้ำมันในระยะกลางอาก 1.) การระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ของกลุ่ม IEA กว่า 120 ล้านบาร์เรล 2.) คาดสหภาพยุโรปมีแนวโน้มออกมาตรการกีดกันการส่งออกพลังงานรัสเซียเพิ่มเติมค่อนข้างยาก 3.) อุปสงค์น้ำมันในจีนที่ยังมีความอ่อนไหวจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 4) แนวโน้มการกลับมาส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา และอิหร่าน รวมทั้งการมี EU กำลังมองหาทางเลือกด้านพลังงานในแอฟริกา คาดจะเพิ่มอุปทานพลังงานในระยะถัดไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงได้ต่อ กดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้ในระยะกลาง

ในส่วนของปัจจัยในประเทศมองตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าหนุนการฟื้นตัวขึ้น ขณะที่คาดว่าตลาดจะเริ่มให้ความสนใจกับการเปิดเผยผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดย Bloomberg Consensus คาดจะออกมาเติบโต 17.41% QoQ และ 7.94% YoY คาดจากสินเชื่อโดยรวมดูดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้ง ECL ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังเร่งบริเวณหนี้เสียในช่วง 4Q64 ที่ผ่านมา โดยหากผลประกอบการออกมาตามคาด-ดีกว่าคาด คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่มธนาคารประคองตลาดได้บ้าง

อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม สายการบิน จากการผ่อนคลายมาตรเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 1 พ.ค. รวมทั้งยกเลิกระบบไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) 1 มิ.ย. รวมทั้ง ล่าสุดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ได้ประกาศยกเลิกคำเตือนห้ามเดินทางมายังประเทศไทย โดยเป็นการลดระดับกลุ่มความเสี่ยง COVID-19 จากระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดสู่ระดับ 3 คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นได้ต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “AWC”

กลยุทธ์ ซื้อเล่นรอบ แนวรับ 4.96 / 4.86 Target 5.30 / 5.60 Stop <4.80

- Advertisement -