บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +25.0%

Close Apr 18, 2022 Price (THB) 52.00

12M Target (THB) 65.00

Previous Target (THB) 65.00

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 7.0 พันล้านบาท (+40% QoQ, +109% YoY) สูงสุดรอบ 4 ไตรมาส หนุนจาก 1) Market GIM ที่ US$7.8/bbl (+11% QOQ, +90% YoY) โดยการพุ่งขึ้นอย่างมากของค่าการกลั่น เพียงพอชดเชยอัตรากำไรของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น และอะโรมาติกส์ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด 2) ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง QoQ และ 3) กําไรสต็อกน้ำมันรวม Hedging 5.0 พันล้านบาท

Our view

  • คงคําแนะนํา “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 65.00 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 2Q65 ดูดีกว่าคู่แข่งที่จะลดลง QoQ คาดค่าการกลั่นที่พุ่งขึ้นจะสามารถชดเชยต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นได้ และจะมีกำไรการขาย GPSC
  • หาก 1Q65 ตามคาด จะคิดเป็น 76% ของทั้งปี (ไม่รวมกําไรขาย GPSC) ทำให้ประมาณการมี Upside
  • Valuation มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีตมากกว่าคู่แข่ง ระยะกลาง-ยาวมีการเติบโตจากโครงการ CFP และ CAP II, ประเมิน Price Dilution การเพิ่มทุนไม่มาก

THAI OIL กำไรไตรมาสหน้าจะสูงต่อเนื่อง

ค่าการกลั่น – กำไรสต็อกน้ำมัน ชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นได้

สำหรับ 1Q65 แม้ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น และอะโรมาติกส์จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น กดดันให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ลดลง โดย 500SN-FO อยู่ที่ US$522/ตัน (-22% QoQ, -33% YoY) BZ-ULG95 อยู่ที่ US$110/ตัน (-25% QoQ, -40% YoY) และ LAB Spread อยู่ที่ US$798/ตัน (-19% QoQ, -1% YoY) อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่ากำไรสุทธิ 1Q65 จะทำได้ 7.0 พันล้านบาท (+40% QoQ, +109% YoY) สูงสุดในรอบ 4 ไตรมาส โดยปัจจัยลบจากอัตรากำไรของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น – อะโรมาติกส์ที่อ่อนตัวลง สามารถชดเชยได้จาก 1) อัตรากำไรของธุรกิจโรงกลั่นที่สูงขึ้นมาก โดยส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซล อากาศยานพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบหลายปี ส่งผลให้ประเมินว่าค่าการกลั่นจะสูงขึ้นเป็น US$6.5/bbl (+23% QoQ, +829% YoY) สูงสุดตั้งแต่ 3Q60 และทำให้ Market GIM เพิ่มขึ้นเป็น US$7.8/bbl (+11% QoQ, +90% YoY) 2) ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล 3) ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น US$37/bbl ทำให้ TOP จะมีกำไรสต็อกน้ำมัน (รวม NRV และขาดทุนป้องกันความเสี่ยง) 5.0 พันล้านบาท 4) กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 180 ล้านบาทจากเงินบาทแข็งค่า

โมเมนตัมกำไรไตรมาส 2 เด่นกว่าคู่แข่ง

แม้ว่าใน 2Q65 ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น – อะโรมาติกส์จะยังอ่อนแอ, ต้นทุนน้ำมันดิบ (Crude Premium) จากตะวันออกกลางจะเพิ่มขึ้น อ้างอิง Murban Premium 2QTD อยู่ที่ US$8.4/bbl (เทียบกับ US$4/bbl ใน 1Q65 และ US$1.3/bbl ใน 2Q64), และกำไรสต็อกน้ำมันจะลดลง QoQ อย่างไรก็ตาม คาดว่าโมเมนตัมกำไรสุทธิ 2Q65 ของ TOP จะสามารถขยายตัว QoQ และ YoY ดีกว่าคู่แข่งที่จะลดลง QoQ ตามกำไรสต็อกน้ำมัน เนื่องจาก TOP จะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป และมีกำไรจากการจำหน่ายหุ้น GPSC 1.1 หมื่นล้านบาท (หลังหักภาษี)

มูลค่าหุ้นยังมีส่วนลด ประมาณการปีนี้มี Upside

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 65.00 บาท จาก 1) หาก 1Q65 เป็นไปตามคาด กำไรปกติ และกำไรสุทธิจะคิดเป็น 29% และ 76% ของคาดการณ์ทั้งปีของเราที่ 9.3 พันล้านบาท (ยังไม่รวมกำไรพิเศษจากการจำหน่าย GPSC) ทำให้ประมาณการมี Upside 2) เชิง Valuation หุ้นซื้อขายบน PBV ที่ 0.9 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีต -1.50 SD ต่ำกว่าโรงกลั่นคู่แข่ง SPRC BCP ที่ซื้อขายระดับ -1.00 SD ถึง -0.50 SD 3) ระยะกลาง-ยาว TOP มีการเติบโตจากโครงการ CFP ขยายกำลังกลั่นจาก 275 KBD เป็น 400 KBD (COD ปี 2566) และการขยายกำลังผลิตปิโตรเคมีใน CAP II (FID สิ้นปี 2565) และ 4) ตลาดรับรู้ข่าวการเพิ่มทุนไปแล้ว ขณะที่จำนวนหุ้นเพิ่มทุนไม่มาก ประเมินผลกระทบ Price Dilution จากราคา ณ ปัจจุบันเพียง 0.4% ถึง 2.1% (บริษัทฯ จะรายงานผลประกอบการวันที่ 10 พ.ค.)

- Advertisement -