บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +35.6%

Close Apr 19, 2022 Price (THB) 4.72

12M Target (THB) 6.40

Previous Target (THB) 6.40

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 46 ล้านบาท (+ 12.6%QoQ, +3.7%YoY) กำไรดีขึ้น QoQ จากปัญหา Raw materials เริ่มคลี่คลาย กําไรที่ทรงตัว YoY มาจากรายได้ยังไม่สามารถเติบโตตามแผน
  • คาดผลประกอบการดีขึ้น QoQ ตั้งแต่ 2Q65 จากคําสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง แต่ต้องระวังประเด็นการขาดแคลนวัตถุดิบที่อาจกดดันการเติบโต

Our view

  • เราคงประมาณการปี 2565 ที่กำไรปกติ 297 ลบ. (+50% YoY) แต่มี Downside Risk ราว 15-20% หากกําไรไม่โตเด่นในช่วง 2H65
  • เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 6.40 บาทต่อหุ้น (อิง PER 20x) ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนความเสี่ยงที่อาจถูกปรับลดประมาณการไปแล้ว มี Downside จำกัด เริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง

STAR MICROELECTRONICS ราคาหุ้นกลับมาอยู่ใน Zone ที่น่าสนใจอีกครั้ง

คาด 1Q65 กำไรปกติเติบโต QoQ แต่ทรงตัว YoY

คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 46 ล้านบาท (+12.6% QoQ, +3.7% YoY) สรุปสาระสำคัญดังนี้

1) คาดรายได้หลักที่ 559 ล้านบาท (+12.4% QoQ, +2.4% YoY) เติบโต QoQ จากยอดคำสั่งซื้อที่สูงขึ้น  และผลกระทบจากปัญหาขาดแคลน Raw Materials ที่เริ่มคลี่คลายลง แต่ YoY ยังโตได้ต่ำกว่า Guidance ที่จะเติบโต 50% ในปี 2565

2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 19.0% (+360bps QoQ, +49bps YoY) อัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นเป็นผลจาก Economies of scale ที่เพิ่มขึ้นตามยอดขาย และ Product mixed ในไตรมาสนี้ คาดว่าจะมีสัดส่วนสินค้ากลุ่ม Consignment (ซึ่งมี GPM สูงกว่ากลุ่ม Turnkey ที่บริษัทฯ ต้องเป็นคนหา Raw materials เอง) มากขึ้น 3) SG&A คาดที่ 67 ล้านบาท (-11.0% QoQ, +13.1% YoY) SG&A to sale คาดที่ 12.0%

SMT จะจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 3 พ.ค. 65

ประมาณการปี 2565 อาจมี Downside Risk ราว 15%-20% หาก 2Q65 ยังไม่ฟื้น

แนวโน้ม 2Q65 เราคาดเห็นผลประกอบการดีขึ้น QoQ ต่อเนื่องไปยังช่วง 2H65 บริษัทฯ ยังมีคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง มี Backlogs ราว 2.0 พันล้านบาท (ตัวเลข Backlogs บริษัทฯ ให้ไว้ช่วงเดือนมี.ค.65) ขณะที่ปัญหา Chip Shortage เป็นเรื่องที่ต้องระวัง แต่บริษัทฯ มีการแก้ปัญหาด้วยการรับคำสั่งซื้อจากลูกค้ายาวขึ้น ทำให้สามารถสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าได้ราว 12-18 เดือน คาดทำให้บริษัทฯ มีวัตถุดิบเพียงพอต่อ

การผลิตได้ตามคำสั่งซื้อ และบรรเทาผลกระทบตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป

หากกำไร 1Q65 ออกมาตามคาด กำไร 1Q65 จะคิดเป็นเพียง 16% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2565 ของเราที่กำไรปกติ 297 ล้านบาท (+50% YoY) ทำให้ประมาณการทั้งปีของเรามี Downside หาก บริษัทฯ ไม่สามารถขึ้นกำลังการผลิตให้ลูกค้ารายใหม่ได้ทันในช่วง 2Q65 เพื่อเติบโตเด่นใน 2H65 เราจะพิจารณาความเหมาะสมของประมาณการอีกครั้ง หลังการเข้าพบผู้บริหารในวันที่ 3 พ.ค.65 เบื้องต้นหาก SMT ไม่สามารถส่งมอบ Order กับลูกค้ารายใหม่ขนาดใหญ่ได้ใน 2H65 เราคาดจะมี Downside ต่อประมาณการราว 15-20% หรือกรอบกำไรปกติในปี 2565 ที่ +/- 240 ล้านบาท (+21% YoY)

คงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 6.40 บาท

เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 297 ล้านบาท (+50% YoY) และคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 6.40 บาทต่อหุ้น (อิง PER20x) ในกรณีที่ SMT ขึ้นกำลังการผลิตให้ลูกค้ารายใหม่ได้ช้ากว่าคาด และทำกำไรปกติได้เพียงราว 240 ล้านบาท (+21% YoY) ราคาเหมาะสมของเราจะปรับลดเป็น +/- 5.20 บาทต่อหุ้น สูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบันที่ราว +/- 4.80 บาท สะท้อนว่าหุ้นมี Downside Risk จำกัดแล้ว และราคาหุ้นกลับมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจอีกครั้ง

ในเชิงเปรียบเทียบ เรายังชอบ HANA มากกว่า SMT แม้ HANA ซื้อ ขาย บน PER65 ที่ 15x ใกล้เคียงกับ SMT แต่ HANA มีเงินปันผลสูงกว่า และมี Execution Risk ที่ต่ำกว่า

ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) รายได้มีความไม่แน่นอนอาจทำให้ประมาณการคลาดเคลื่อน 2) การกระจุกตัวของ Order ลูกค้ารายใหญ่ (ราว 40-50% ของรายได้รวม) และ 3) ราคาต้นทุน Materials ที่ผันผวน

- Advertisement -