บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

TMBThanachart Bank (TTB TB) คาด Opex จะเพิ่มขึ้นในระยะสั้น

ถือ เราชอบ KBANK และ KKP มากกว่า

เราชอบ TTB ที่เน้นคุณภาพสินเชื่อเพื่อจำกัดความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ นอกจากนี้ TTB ยังใช้ประโยชน์จาก synergy ระหว่างต้นทุนและงบดุลเพื่อกำหนดต้นทุนเครดิต และตัด NPL เพื่อเพิ่มคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม  การเติบโตของรายได้นั้นอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ และเราคาดว่า opex จะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่เหลือจากการลงทุนด้านไอที แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 1.45 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 0.64 เท่า ROE 8.1%) เลือก KBANK (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 185 บาท) และ KKP* (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 80 บาท) เนื่องจากมีราคาหุ้นน่าสนใจและผลตอบแทนที่ดีกว่า

Synergy ต้นทุน & งบดุลมาเร็วกว่าคาด แต่ส่วนรายได้ยังอ่อนแอ

CEO เผยว่าการรับรู้ผลประโยชน์ด้านงบดุล (Balance Sheet Synergy) และด้านต้นทุน (Cost Synergy) ดีกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากมีสาขา 274 แห่ง และลดจำนวนพนักงานลง 4.3 พันราย ขณะที่การแข่งขันด้านเงินฝากมีต่ำ ณ ไตรมาส 1/65 TTB รับรู้ผลประโยชน์ด้านต้นทุน และงบดุลที่ 1.7 หมื่น ลบ. เทียบกับเป้าหมายที่ 1.5 หมื่น ลบ.ภายในปี 67 อย่างไรก็ตาม การรวมรายได้มีเพียง 800 ลบ. เทียบกับเป้าหมาย 3-5 พันลบ. เนื่องจากเน้นคุณภาพสินเชื่อมากกว่าการเติบโตของสินเชื่อ

คาด Opex เพิ่มขึ้นในระยะสั้น แต่รายได้เพิ่มขึ้นในระยะยาว

TTB ยังคงรักษาเป้าหมายทางการเงินทั้งหมดในปี 65 และตั้งเป้าสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับเป้าหมายที่ 45-47% ในปีนี้ เนื่องจากธนาคารจะเปิดตัวแอปพลิเคชันมือถือใหม่ในต้นเดือนพฤษภาคม เพื่อเพิ่มธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงผ่านช่องทางดิจิทัล นอกจากนี้ ธนาคารจะลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อเพื่อสร้างระบบนิเวศ และขยายพอร์ตสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลผ่าน TTB Consumer ดังนั้น opex จะเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ แต่จะต้องใช้เวลานานขึ้นกว่ารายได้จะเติบโต

อัพเดทประเด็นบรรเทาหนี้และคุณภาพสินทรัพย์

เงินให้สินเชื่อภายใต้โครงการบรรเทาหนี้ลดลงเหลือ 7% ของสินเชื่อทั้งหมดจาก 12% ในปี 2564 และคุณภาพสินทรัพย์สามารถบริหารได้อย่างดี สินเชื่อปรับโครงสร้างหนี้ลดลงเหลือ 13% ของสินเชื่อทั้งหมดจาก 16% ในปี 2564 จากทั้งหมด 3% เท่านั้นที่อยู่ในโครงการสีน้ำเงิน (ธนาคารมีผลขาดทุนด้านเครดิตบางส่วนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและการปรับลดหนี้) CEO คาดว่าต้นทุนเครดิตจะลดลงสู่ระดับปกติที่ 120bp ในปี 67 จาก 140-160bp ในปี 65

- Advertisement -