บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Downgrade)
TP upside (downside) -9.6%
Close Apr 22, 2022 Price (THB) 109.00
12M Target (THB) 98.50
Previous Target (THB) 119.00
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 1Q65 584 ลบ. (-6.1%QoQ, -16.4%YoY) สาเหตุหลักจากต้นทุนบรรจุภัณฑ์ ทั้งอลูมิเนียม และก๊าซธรรมชาติที่ปรับขึ้นต่อ กดดัน GPM ลดลง แม้รายได้จะเติบโตสูงขึ้นจากธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายที่เติบโตเด่น
- แนวโน้ม 2Q65 เบื้องต้นคาดฟื้นตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่ลดลง YoY ต่อจากสถานการณ์ต้นทุนที่ยังไม่คลี่คลาย และการไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีก มองว่าเป็นความเสี่ยงมากกว่าโอกาส
Our view
- เรามีมุมมองเป็นบวกน้อยลงต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2565 ของ CBG ที่ได้รับผลกระทบด้านราคาต้นทุนที่สูงขึ้นมากและนานกว่าคาด จึงปรับประมาณการปี 2565-66 ลง 30.6% และ 8.4% ตามลำดับ
- ผลของการปรับประมาณการลงทําให้เราได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 98.50 บาท ปรับคำแนะนำลงจากซื้อเป็น Trading เชิงกลยุทธ์มองว่ายังไม่ใช่จังหวะในการเข้าลงทุน หากมีสถานะอยู่อาจพิจารณาทำกำไร
CARABAO GROUP ไม่สวยอย่างเดิมที่เคยคิดไว้
คาดกำไร 1Q65 ชะลอทั้ง QoQ และ YoY
เราคาดรายได้ที่ 4,240 ลบ. ลดลง 3.2%QoQ เนื่องจากปริมาณขายที่ลดลง หลังมีการเร่งสต๊อกของลูกค้าช่วงปลายปี ขณะที่ YoY ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปรับลง 7% อย่างไรก็ตาม เราคาดรายได้ของ CBG จะเติบโตได้ 5.2%YoY จากรายได้ส่งออกที่ฟื้นตัวได้บ้างในเมียนมาร์ และเวียดนาม ประกอบกับรายได้ธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายยังเติบโตแข็งแกร่งจากสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนการส่งออกไปจีนติดปัญหาด้านการปรับ Packaging ทำให้มีการชะลอการส่งออกในช่วงเดือนม.ค. – ก.พ. ส่งผลให้รายได้จากจีนคาดจะยังฟื้นตัวจาก 4Q64 ที่ 13 ลบ. อย่างค่อยเป็นค่อยไป เราคาด GPM จะชะลอต่อเป็น 31.2% จาก 31.4% ใน 4Q64 เนื่องจากต้นทุนอลูมิเนียมยังปรับขึ้นสูงต่อ จากผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ราคาเฉลี่ยอลูมิเนียมใน 1Q65 อยู่ที่ราว US$3,000/ตัน เพิ่มขึ้นจาก 4Q64 เฉลี่ยที่ US$2,800/ตัน ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนค่าทำให้การนำเข้าวัตถุดิบสูงขึ้น ขณะที่รายได้ขายเป็นเงินบาทเกือบทั้งหมด โดยรวมเราคาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 584 ลบ. (-61%QoQ, -16.4%YoY)
ต้นทุนกดดันนานกว่าคาด การไม่ปรับขึ้นราคาเป็นความเสี่ยงมากกว่าโอกาส
เราคาดแนวโน้มกำไร 2Q65 ชะลอ YoY ต่อเนื่องจ ากต้นทุนบรรจุภัณฑ์ทั้งอลูมิเนียมและก๊าซธรรมชาติยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และการไม่ปรับราคาขายปลีกขึ้น แม้จะส่งผลบวกต่อปริมาณขายจากการแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งที่มีการปรับขึ้นราคา แต่จะมีความเสี่ยงต่อแนวโน้ม GPM ที่มีโอกาสปรับลงต่อ ถึงแม้จะชดเชยได้บางส่วนด้วยราคาขายส่งและราคาขายส่งออกที่ปรับขึ้น
เรามีมุมมองเป็นบวกน้อยลงต่อแนวโน้มกำไรของ CBG ในปี 2565 ด้วยผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ ทำให้ราคา Commodity ทั่วโลกสูงขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนบรรจุภัณฑ์ของบริษัทให้สูงขึ้นมากกว่าคาด เราจึงปรับลดประมาณการ GPM ของ CBG ในปี 2565-66 ลง 420bps และ 250bps เป็น 34.5% และ 36.5% ตามลำดับ ส่งผลต่อประมาณการกำไรปี 2565 ให้ลดลง 30.6% เป็น 2,860 ลบ. (+1.5%YoY) และปี 2566 ลดลง 8.4% เป็น 3,320 ลบ. (+16.1%YoY) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามได้ 1) การระบาดของ COVID-19 ในจีน หากมีความรุนแรงและแพร่กระจายไปยังมณฑลฝั่งตะวันตกที่เป็นมณฑลหลักของ CBG จนเกิดการ Lockdown อาจส่งผลต่อภาพการฟื้นตัวของรายได้ 2) บริษัทเตรียมออกสินค้าใหม่ 1 ตัวในเดือน มิ.ย. คาดจะเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าค่าเฉลี่ย หากได้รับผลตอบรับดีคาดจะช่วยหนุนผลประกอบการใน 2H65 เป็น Upside
ปรับราคาเป้าหมายลง และปรับคำแนะนำลงเป็น “TRADING”
ผลจากการปรับประมาณการลง ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้นปี 2565 ที่ 98.50 บาท อิงวิธี DCF (wacc 7.2%, t.g, 4%) มี downside loss 9.6% จึงปรับคำแนะนำลงจาก ซื้อ เป็น TRADING เชิงกลยุทธ์ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนที่ระดับราคาในปัจจุบัน มองว่าตัวเลือกอื่นอย่าง ICHI เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า หรือหากมีสถานะอยู่อาจพิจารณา Take Profit