บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +12.2%
Close Apr 22, 2022 Price (THB) 34.75
12M Target (THB) 39.00
Previous Target (THB) 40.00
What’s new?
- คาดกําไรสุทธิ 1Q65 ที่ 722 ลบ. (-15.1%QoQ, -28.1%YoY) เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่มีการรับรู้ต้นทุนใหม่ในทุกตัว แต่ก๊าซธรรมชาติเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมปรับตัวขึ้นแรงกระทบ GPM
- คาดว่ากำไรจะฟื้นแรง QoQ และ YoY ใน 2Q65 จากการรับรู้เงินปันผล Unicharm และเริ่มเห็นผลของการปรับราคาขายขึ้น และลดต้นทุนขวดแก้ว
Our view
- เราคงมุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 2565 ของ OSP จากการฟื้นตัว YoY แบบ V-Shape ในทุกธุรกิจ
- แต่ด้วย GPM ใน 1Q65 ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จึงปรับประมาณการกำไรปี 65 ลง 6.2% ได้ราคาเป้าหมายใหม่ลดลงเป็น 39.00 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ แต่เชิงกลยุทธ์แนะนำสะสมหลังงบออก (วันที่ 11 พ.ค.)
OSOTSPA 1Q65 รับต้นทุนใหม่…2Q65 ดีขึ้น
คาดกำไรปกติ 1Q65 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY
เราคาดรายได้ที่ 7,230 ลบ. (+4.0% QoQ, +6.7% YoY) จากการเติบโต YoY ในทุกผลิตภัณฑ์ แม้ว่าตลาด เครื่องดื่มบำรุงกำลังโดยรวมจะหดตัวราว 5%YoY แต่ OSP ยังเติบโตได้ รายได้รับจ้างผลิตและจัดจำหน่ายเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จาก C-Vitt และรายได้ของใช้ส่วนบุคคลกลับมาเติบโตในกลุ่ม Babi mild แต่ 1Q65 ยังเป็นไตรมาสแรกที่เริ่มรับรู้ต้นทุนใหม่ที่มีการล็อคราคานี้ไว้แล้วถึงปลายปี เช่น อะลูมิเนียม และน้ำตาล ขณะที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม และราคาปรับตัวขึ้นมาเกือบเท่าตัว YoY ประกอบกับผลของการปรับราคาขายขึ้นยังไม่เห็นผลใน 1Q65 คาดว่าจะส่งผลให้ GPM ลดลงไปอยู่ที่ระดับ 31.5% จาก 34.5% ใน 4Q64 และ 33.5% ใน 1Q64 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายคาดที่ 21.2% ทรงตัวจาก 4Q64 แต่ลดลงจาก 22.3% ใน 1Q64 ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทรวมคาดที่ 94 ลบ. (+5.0%QoQ, +28.1%YoY) จากการเติบโตของ C-Vitt อย่างไรก็ตาม ใน 1Q64 มีการรับรู้เงินปันผลของ Unicharm แต่ปีนี้คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลใน 2Q65 ทำให้เราคาดกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 722 ลบ. ลดลง 15.1%QoQ และลดลง 28.1% YoY คาดว่าจะเป็นจุดต่ำที่สุดของปี
2Q65 ฟื้น ออกสินค้าใหม่
เราคาดกำไรสุทธิ 2Q65 จะกลับมาฟื้นตัวที่ระดับ 900 ลบ. +/- ได้ซึ่งจะเป็นการเติบโตสูงทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจาก 1) มีการรับรู้รายได้จากเงินปันผลของ Unicharm และ 2) การเริ่มทยอย Migrate สินค้าจากขวดละ 10 บาท เป็น 12 บาท มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน อาจจะมีผลกระทบเรื่องการลองเปลี่ยนไปดื่มแบรนด์อื่นที่ราคา 10 บาทบ้าง แต่มีทั้งที่เปลี่ยนไปใช้แบรนด์ของคู่แข่ง และแบรนด์ของ OSP อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการปรับขึ้นราคาเป็นกลยุทธ์ที่ดีในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะสามารถทำให้ใช้เครื่องมือส่งเสริมการขายได้หลากหลาย เพื่อกระตุ้นลูกค้าให้บริโภคสินค้าในกลุ่ม 12 บาทมากขึ้นได้ เช่นที่เคยเกิดขึ้นกับ C-Vitt แม้ว่าจะขึ้นราคาสูงกว่าคู่แข่ง ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนไปลองแบรนด์อื่นในช่วงแรก แต่สุดท้ายด้วยรสชาติที่คุ้นเคยทำให้ C-Vitt กลับมาเติบโตได้ นอกจากนี้คาดว่าจะเริ่มเห็นสินค้า Functional drink ตัวใหม่ในกลุ่มกัญชงวางตลาดใน 2Q65 นี้ ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ เรามองว่าหากสถานการณ์ด้านต้นทุนไม่รุนแรงไปกว่าปัจจุบันมีโอกาสที่จะเห็นกำไรรายไตรมาสที่ระดับสูงสุดใหม่ได้ใน 4Q65 (3Q65 เป็น Low season)
ปรับกำไรลงเพราะ GPM คงคำแนะนำ ซื้อ… หลังงบออก
เราคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ OSP ในปี 2565 จากการฟื้นตัวของรายได้ในทุกกลุ่มสินค้า แต่ด้วยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้ เพื่อให้ประมาณการมีความระมัดระวังมากขึ้น เราปรับลดประมาณการ GPM ปี 2565 – 2567 ลงเป็น 34.6%, 35.2% และ 35.4% ตามลำดับ (จาก 35.6%, 36.4% และ 37.1%) ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2565 – 2567 ลดลงอยู่ที่ 3,621 ลบ. (+11.3%YoY), 4,216 ลบ. และ 4,463 ลบ. ตามลำดับ ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ลดลงจาก 40.00 บาท เป็น 39.00 บาท ยังมี Upside gain 12.2% และปัจจุบันซื้อขายที่ PER65 ที่เพียง 28.8 เท่า คงคำแนะนำ ซื้อ เชิงกลยุทธ์แนะนำ Wait & See และทยอยสะสมอีกครั้งหลังรายงานงบ 1Q65 (วันที่ 11 พ.ค.)