บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +21.3%

Close Apr 22, 2022 Price (THB) 47.00

12M Target (THB) 57.00

Previous Target (THB) 57.00

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 9.0 พันล้านบาท เติบโต +67% QoQ และ +50% YoY สู่ระดับสูงสุดรอบ 14 ไตรมาส หนุนจากอุปสงค์ PET ในภูมิภาคฟื้นตัวตามฤดูกาล, การปรับสัญญาราคาขายของตลาดตะวันตก, MTBE Spread สูงขึ้นตามราคาน้ำมันเบนซิน การผลิตของโรงงาน Cracker เต็มที่ และกำไรสินค้าคงคลัง 2.2 พันล้านบาท
  • บริษัทฯ ปิดดีล M&A ได้ 2 แห่งในเดือนเม.ย. คาดช่วยสร้างกำไร 7 ร้อยล้านบาท/ไตรมาส

Our view

  • โมเมนตัมผลการดำเนินงานหลัก 2Q65 เร่งตัวขึ้น QoQ และ YoY จากการรับรู้ประโยชน์ของ M&A, เข้าสู่ High season ของ PET ในภูมิภาค, การผลิตในภูมิภาคตึงตัวจากการแพร่ระบาดของจีน
  • หาก 1Q65 ตามคาด จะคิดเป็น 28% ของทั้งปี คงประมาณการปี 2565 ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท (+21%)
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” และเป็นตัวเลือกหลักในกลุ่มปิโตรเคมี เพราะมีปัจจัยบวกจากการปรับสัญญาราคาขาย และการ M&A คาดกำไร 1H65 จะขยายตัวเด่น และปี 2565 จะทำระดับสูงสุดใหม่

INDORAMA VENTURES เริ่มต้นปีได้ดี

คาด 1Q65 เติบโตสูง QoQ YoY ดีสุดรอบ 14 ไตรมาส

คาดกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 9.0 พันล้านบาท (+67% QoQ, +50% YoY) นับเป็นกำไรรายไตรมาสสูงสุด ตั้งแต่ 3Q18 หรือ 14 ไตรมาส สาเหตุหลักมาจาก 1) ปริมาณขาย PET ในภูมิภาคเอเชียฟื้นตัวจาก Low Season ช่วงปลายปี ทำให้ประเมินว่าปริมาณผลิตรวมจะทำได้ 3.8 ล้านตัน (+2% QoQ, +4% YoY) 2) อัตรากำไรของ CPET สูงขึ้นเป็น US$116/ตัน (+15% QoQ, +22% YoY) เพราะคาดว่าการปรับสัญญาราคาขายในตลาดตะวันตก (60-70% ของการขาย) จะสามารถชดเชย Margin ในตลาดเอเชียที่อ่อนลงจากการปรับสมดุลของมาตรการ Dual control ในประเทศจีน 3) อัตรากำไรธุรกิจ IOD สูงขึ้น สอดคล้องการพุ่งขึ้นของ Spread MTBE ตามราคาน้ำมันเบนซิน เป็น US$363/ตัน (+80% QoQ, +103% YoY) และการกลับมาผลิตของโรงงาน Cracker เต็มที่ และ 4) คาดการปรับตัวขึ้นของราคาปิโตรเคมีตามราคาน้ำมันดิบ จะทำให้มีกำไรสินค้าคงคลัง 2.2 พันล้านบาท หากนับเฉพาะกำไรปกติคาดทําได้ 7.2 พันล้านบาท (+18% QoQ, +118% YoY)

2Q เริ่มรับรู้ M&A 2 โครงการ

นับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถปิดดีล M&A ได้จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1) Oxiteno (สัดส่วน 100%) ตั้งแต่ 1 เม.ย. ผู้ผลิตสารลดแรงตึงผิวใหญ่ที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา รวมทั้งมีการผลิตสาร EO, Fatty alcohols และ HVA มีฐานการผลิต 11 แห่ง ในบราซิล อุรุกวัย เม็กซิโก และสหรัฐฯ คาดช่วยขยายฐานการผลิตในภูมิภาคละตินอเมริกา, เพิ่มความยั่งยืนด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Renewable, เพิ่ม Portfolio ผลิตภัณฑ์ขั้นปลายที่ Margin สูง – ราคาเสถียรภาพกว่า Commodity และมี Synergy จากการบริหารงานร่วมกัน 100 ล้านเหรียญฯ ประเมินจะช่วยสร้างกำไร 7 ร้อยล้านบาท/ไตรมาส 2) Ngoc Nghia (สัดส่วน 97.8%) ตั้งแต่ 21 เม.ย. ผู้ผลิต PET แปรรูปขั้นปลายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม กำลังผลิต 7.6 หมื่นตัน/ปี คาดช่วยเพิ่มกำไร 30-50 ล้านบาท/ไตรมาส

โมเมนตัมกำไรปกติ 2Q65 เร่งตัว หนุนจาก High season และ M&A

สำหรับ 2Q65 แม้เราคาดว่ากำไรสินค้าคงคลังจะลดลง QoQ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรปกติ 2Q65 จะเร่งตัวขึ้น QoQ และ YoY หนุนจาก 1) เริ่มรับรู้การเข้าซื้อกิจการ Oxiteno และ Ngoc Nghia 2) ปริมาณขาย cPET สูงขึ้นจากการเข้าสู่ช่วง High season ของความต้องการใช้ในภูมิภาค 3) อุปทาน PET ในภูมิภาคตึงตัวจากการผลิตของจีนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด หากกำไรสุทธิ 1Q65 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 28% ของทั้งปี คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท (+21% YoY)

ตัวเลือกหลักในกลุ่มปิโตรเคมี ปี 2565 จะเป็นปีที่ดี

คงคำแนะนำ “ซื้อ” รับการเติบโตที่ดีของผลประกอบการปี 2565 (ทำระดับสูงสุดใหม่) โดยเฉพาะช่วง 1H65 เพราะได้ประโยชน์จากการปรับสัญญาราคาขาย, การปิดดีล Oxiteno, โรงงานที่ปิดซ่อมบำรุง ในช่วงที่ผ่านมากลับมาผลิตเต็มที่, ประโยชน์ของ Import parity price จากค่าขนส่งระดับสูง คงราคาเหมาะสม 57.00 บาท อ้างอิงค่าเฉลี่ย PBV ที่ 2.0 เท่า ใกล้เคียงกับช่วงปี 2560 – 2561 ที่มี ROE เฉลี่ยระดับ 18% เช่นเดียวกับปี 2565 – 2566 (บริษัทฯ จะรายงานงบวันที่ 12 พ.ค.)

- Advertisement -