บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +17.2%

Close Apr 22, 2022 Price (THB) 49.50

12M Target (THB) 58.00

Previous Target (THB) 59.00

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 3.5 พันล้านบาท ฟื้นตัว +9% QoQ จากฐานต่ำ หนุนด้วยค่าการกลั่น, กำไรสต็อกน้ำมัน และการ M&A ของ Allnex อย่างไรก็ตาม ถือเป็นระดับกำไรที่ไม่สูง และเมื่อเทียบกับ 1Q64 ลดลง -64% YoY จากอัตรากำไร By product ของอะโรมาติกส์, ขาดทุน Hedging จํานวนมาก, และ Spread BPA ที่ลดลง
  • ปรับกำไรปี 2565 – 2566 ลง 6-21% ประเมิน ราคาเหมาะสมใหม่ 58.00 บาท

Our view

  • แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q65 ฟื้นตัว QoQ จากธุรกิจโรงกลั่น และขาดทุน Hedging ลดลง อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวยังถูกจำกัดจากแผนหยุดซ่อมโรงงานโอเลฟินส์ มองข้ามไป 4Q65 หุ้นยังมีแผนปิดซ่อมใหญ่โรงกลั่น
  • แม้ Valuation อยู่ในระดับต่ำแล้ว อย่างไรก็ตาม เรามองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เพราะระยะสั้นหุ้นยังไม่มี Catalyst บวก, งบ 1H65 ไม่เด่น และมีความเสี่ยงถูกปรับลดประมาณการ เชิงกลยุทธ์ TOP SPRC IVL จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าในช่วง 3 เดือนข้างหน้า

PTT GLOBAL CHEMICAL กำไรสุทธิ 1Q65 ไม่เด่น

คาด 1Q65 ถูกถ่วงด้วยอะโรมาติกส์ และอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยง

คาด 1Q65 จะมีกำไรสุทธิ 3.5 พันล้านบาท ฟื้นตัว +9% QoQ จากธุรกิจโรงกลั่นที่ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป ทำให้คาดว่าค่าการกลั่นจะขยับขึ้นเป็น US$8/bbl (+26% QoQ, +152% YoY), การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะทำให้มีกำไรสต็อกน้ำมัน 4.6 พันล้านบาท, การกลับมาผลิตตามปกติของโรงงาน Phenol, และการเริ่มรับรู้ผลประกอบการของ Allnex เต็มไตรมาส หลังกระบวนการเข้าซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ 29 ธ.ค. 2564 อย่างไรก็ตาม ระดับกำไร 3.5 พันล้านบาทถือว่าไม่สูงนัก เพราะถูกถ่วงจากผลการดำเนินงานของธุรกิจอะโรมาติกส์ที่อ่อนแอลงตามอัตรากำไรของ By Product (LPG และ Light Naphtha) ทำให้คาด P2F Margin เหลือ US$50/ตัน (-50% QoQ, -65% YoY), การขาดทุนป้องกันความเสี่ยง Spread น้ำมันสำเร็จรูปราว 6.6 พันล้านบาท ส่วนต่างราคาของ BPA และ ACN ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากรายการที่เกี่ยวกับการ M&A Allnex (ต้นทุนการเงิน ภาษี การตัดจำหน่ายทางบัญชี) ขณะที่เทียบกับ 1Q64 คาดกำไรสุทธิลดลง -64% YoY จากผลการดำเนินงานหลักของธุรกิจโอเลฟินส์ และอะโรมาติกส์ที่อ่อนแอลง กดดันจากการพุ่งขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ Naphtha ตามราคาน้ำมันดิบ รวมทั้งฐาน Spread โอเลฟินส์ที่สูงใน 1Q64 จากอุปทานตึงตัวหลังการผลิตในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศหนาวเย็น

แผนหยุดซ่อมจำกัดการฟื้นตัว 2Q65…ปรับกำไรปี 2565 – 2566 ลง 6-21%

แนวโน้มผลประกอบการ 2Q65 ฟื้นตัว QoQ จากฐานต่ำ หนุนจากธุรกิจโรงกลั่นที่ยังแข็งแกร่ง และขาดทุนป้องกันความเสี่ยงจำนวนมากไม่น่าเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาพรวมกำไรยังไม่เด่น เนื่องจาก 2Q65 จะเป็นช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน Olefins 39 วัน ทำให้อัตราการผลิตลดลง (คาดเหลือ 80%) และอัตรากำไรของธุรกิจอะโรมาติกส์ยังอ่อนแอ มองข้ามไป 4Q65 บริษัทฯ ยังมีแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่น 50 วัน เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 – 2566 ลง 21% และ 6% เป็น 2.3 หมื่นล้านบาท (-49% YoY) และ 2.9 หมื่นล้านบาท (+25% YoY) ตามลำดับ สะท้อนแผนปิดซ่อมบำรุง และอัตรากำไรของอะโรมาติกส์ – โอเลฟินส์ที่รับแรงกดดันจากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้น

มูลค่าหุ้นไม่แพง แต่ยังขาดปัจจัยบวก ไม่ต้องรีบเข้าลงทุน

ปรับราคาเหมาะสมเป็น 58.00 บาท (เดิม 59.00 บาท) อ้างอิง PBV ที่ 0.8 เท่า (คงเดิม) โดยให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ย 1.50 SD ราคา ณ ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PBV ที่ 0.7 เท่า นับว่ามีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยมากกว่า 2.00 SD เชิง Valuation ถือว่าราคาหุ้นมี Downside อีกไม่มาก และราคาปัจจุบันเริ่มมี Upside gain เปิดกว้าง อย่างไรก็ตาม เราคงคำแนะนำ TRADING เอาไว้ก่อน เนื่องจากระยะสั้นหุ้นยังไม่มี Catalyst บวก, ผลประกอบการระยะสั้น 1H65 ไม่โดดเด่น รวมทั้งหุ้นมีความเสี่ยงถูกตลาดปรับลดประมาณการ เชิงกลยุทธ์มองว่าช่วง 3 เดือนข้างหน้าหุ้นโรงกลั่น TOP SPRC และปิโตรเคมีอย่าง IVL จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่า (บริษัทฯ จะรายงานผลประกอบการวันที่ 11 พ.ค.)

- Advertisement -