Daily Focus: Earnings and Value Play
2022SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยปิดลบ 15.26 จุด ณ สิ้นวัน ปัจจัยกดดันยังเป็นเรื่องการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ขณะที่ Real Yield เริ่มพลิกเป็นบวก ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิสูงถึง 2.8 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 320 ลบ (ต่างชาติพลิกมา Long SET50 Index Futures 1.2 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,665-1,683 จุด กลุ่มพลังงานคาดถ่วงตลาดจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลงหลุด US$100 ต่อบาร์เรล ขณะที่ Dollar Index ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ปัจจัยกดดันยังคงเป็นนโยบายการเงินของ FED ที่มีแนวโน้มตึงตัวขึ้นเร็ว ทั้งโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือน พ.ค. เริ่มลดงบดุล และตลาดมองว่าอาจเห็นการขึ้นดอกเบี้ย 0.5-0.75 ในการประชุมเดือน มิ.ย. เช่นกัน หุ้นกลุ่ม Tech และ Growth ที่มี PER สูงจึงยังถูกกดดัน ขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนหนุนหุ้นในกลุ่ม ส่งออก โดยเฉพาะอาหารเครื่องดื่ม เราประเมิน SET Index มีแนวโน้มพักตัวระยะสั้นในเดือน เม.ย.-พ.ค. แต่ระยะกลาง-ยาวยังมองบวกจากเศรษฐกิจในประเทศที่เป็นขาขึ้น โดยเฉพาะแนวโน้มเปิดประเทศเต็มรูปแบบใน 2H22 ทำให้กระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลเข้า เรามองจังหวะพักตัวของดัชนีลงหาระดับ 1,650+- จุด หรือต่ำกว่าเป็นโอกาส “สะสมหุ้นพื้นฐาน” และยังเน้นกลุ่ม Value Domestic และ Reopening Play ที่มี PER/PBV ไม่สูงเทียบกับในอดีต ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น ส่วนระยะสั้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดประกาศผลประกอบการ 1Q22 แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 1Q22 แข็งแกร่ง และยังเน้นลงทุนหุ้น Value และ Domestic Play
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BCP, ICHI, IVL, ORI, SHR
หุ้นเด่นวันนี้ : DCC
- แนะน่า “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท
- คาดกำไร 1Q22 แข็งแกร่ง +39% Q-Q, +9% Y-Y จากกระเบื้องแผ่นใหญ่ที่ Margin สูง และสามารถปรับขึ้นราคาได้ชดเชยต้นทุนที่เพิ่ม ทำให้ทั้งรายได้ และ Margin ยังเติบโตดี
- ภาพทั้งปี 2022 ยังสดใส แม้ต้นทุนก๊าซจะปรับขึ้น แต่จากการปรับขึ้นราคาขายและคุมค่าใช้จ่าย คาดยังทำให้กำไรปีนี้ทำ New High +5% รวมถึง Dividend Yield อยู่ในระดับสูง 6.5%
- แนวรับ 3.06 บาท แนวต้าน 3.20//3.40 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$1,791 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,344 ล้าน และ US$692 ล้าน ตามลำดับ ขณะที่อาเซียนยังผสมผสาน แต่อินโดนีเซียยังมีเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่องอีก US$243 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออกแต่บางลงจากเมื่อวานนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ GDP 1Q22 ของสหรัฐฯและยูโรโซนปลายสัปดาห์ รวมถึงการประชุม FED สัปดาห์หน้า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) OSP ร่วมทุนสัดส่วน 55% กับยันฮี ออกสินค้าน้ำกัญชาที่มีส่วนผสมจากใบ และ CBD จากใบ วางขายขวดละ 25 บาท โดยวัตถุดิบที่ใช้มาจากฟาร์มออร์แกนิค ผลิตผ่านโรงงานของยันฮี เพราะเป็นขวด PET โดย OSP จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร ส่วนสินค้าจากกัญชงจะทยอยออกตามมา ทั้งเครื่องดื่มและสินค้า Personal Care ปัจจุบันยังไม่มีตัวเลขเป้าหมายรายได้จากสินค้า ดังกล่าว โดยต้องติดตามผลตอบรับของตลาด ส่วนระยะสั้นคาดกำไร 1Q22 ของ OSP อ่อนตัว ทั้ง Q-Q และ Y-Y ที่ราว 700-750 ลบ.เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนสายการผลิต และเริ่มออก M-150 ขวด 12 บาท แต่คาดว่าจะดีขึ้นใน 2Q22 ราคาเป้าหมายจาก FSSIA อยู่ที่ 42 บาท ยังแนะนำ “ซื้อลงทุน”
(+) PJW เราคาดกำไรปกติ 1Q22 -7% Q-Q, +8% Y-Y แม้จะคาดว่ารายได้ฟื้น +4% Q-Q, +2% Y-Y ตามการเปิดเมือง แต่ต้นทุนเม็ดพลาสติกที่สูงขึ้นโดยยังปรับราคาขายไม่ทัน ทำให้อัตรากําไรขั้นต้นชะลอ อย่างไรก็ตาม กำไร 1Q22 คิดเป็น 24% ของกำไรทั้งปีที่คาด 194 ลบ. +15% Y-Y แนวโน้มกำไรจะดีขึ้นใน 2Q22 หลังต้นทุนเริ่มชะลอลง เราคงประมาณการและราคาเป้าหมาย 6.50 บาท ปัจจุบันหุ้นเทรดที่ PE 13.3 เท่า EV/EBITDA เพียง 7 เท่า แนะนำ ซื้อ
(+) CENTEL คาดกำไร 1Q22 ทรงตัว Q-Q แต่ฟื้นจากขาดทุน 476 ลบ.ใน 1Q21 จากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ เป็นไตรมาสแรกที่ธุรกิจโรงแรม Breakeven นับตั้งแต่เกิด COVID-19 ขณะเดียวกัน SSSG ของธุรกิจอาหาร คาด +10% Y-Y และมีกำไรปกติ 140 ลบ. ใกล้เคียงกับช่วงก่อน COVID-19 แนวโน้มกำไรจะฟื้นต่อเนื่องใน 2Q22 และคาดทั้งปีเป็น 591 ลบ. ฟื้นจากขาดทุน 1.8 พันลบ.ปีก่อน ราคาเป้าหมายปี 2023 จาก FSSIA เป็น 49 บาท แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้น 26% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังมี PE เพียง 28 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาที่ 31 เท่า แนะนำซื้อ
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 238.06 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 34,049.46 จุด จากแรงซื้อในช่วงท้ายตลาด หลังจากราคาหุ้น Twitter ปรับขึ้นจากข่าวนาย อีลอน มัสก์ บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการ Twitter ท่ามกลางความกังวล ผลกระทบเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ กดดันจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับลง -6% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามสถานการณ์ COVID-19 ในจีน หลังมีข่าวว่ากรุงปักกิ่งอาจมีการล็อกดาวน์
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น อยู่ที่บริเวณ 34.03 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 3.53 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 98.54 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน จากการล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เป็นเวลานาน และเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 38.3 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 1,896 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,101.23 / -2.9