บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +8.3%

Close Apr 27, 2022 Price (THB) 66.50

12M Target (THB) 72.00

Previous Target (THB) 79.00

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 430 ล้านบาท (-63% QoQ, -78% YoY) กดดันจาก 1) การจำหน่ายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นมาก 2) เป็นช่วงคาบเกี่ยวปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า Glow Energy Phase 5 3) ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ประเทศลาวลดลงตามฤดูกาล
  • ปรับกำไรปี 2565 – 2566 ลง 6 – 31% เป็น 5.0 – 7.5 พันล้านบาท ตามลำดับ

Our view

  • แนวโน้ม 2Q65 แม้อัตราค่าไฟฟ้า Ft จะสูงขึ้น แต่คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวได้จำกัด เพราะเชื่อว่าต้นทุนเชื้อเพลิงยังสูงขึ้นต่อเนื่อง
  • แม้ GPSC เป็นหุ้นพื้นฐานดี มีการเติบโตในอนาคตอีกมาก อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นหุ้นจะยังได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานหลังเกิดเหตุการณ์รัสเซีย – ยูเครน รวมทั้งมีโอกาสถูกตลาดปรับลดกำไรปีนี้ลง  ทางพื้นฐานจึงมองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน ราคาเหมาะสมใหม่ 72.00 บาท

GLOBAL POWER SYNERGY ต้นทุนเชื้อเพลิงกดดันงบ 1Q65 อ่อนแอ

คาดผลประกอบการอ่อนตัวแรง QoQ และ YoY

ประเมินกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 430 ล้านบาท (-63% QoQ, -78% YoY) แม้คาดว่า 1Q65 จะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับเพิ่มอัตราค่าไฟฟ้า Ft ตั้งแต่เดือนม.ค. – เม.ย. +16.7 สตางค์/หน่วย (Ft 1 สตางค์/หน่วย มีผลกระทบต่อกำไร 60 ล้านบาท/ปี) และมีกำไรจากการจำหน่ายโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ Ichinoseki ที่ประเทศญี่ปุ่นเข้ามาช่วยราว 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม 1) ผลประกอบการของโรงไฟฟ้า SPP โดยเฉพาะส่วนที่จำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ซึ่งมีสัดส่วนราว 40% ของยอดขาย จะถูกกดดันจากการปรับตัวขึ้นอย่างมากของต้นทุนก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน คาด 1Q65 ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้น +100 บาท/mmbtu QoQ (ทุก 1 บาท/mmbtu มีผลกระทบต่อกำไร 25 ล้านบาท/ปี) และราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น +US$60/ตัน QoQ (ทุก US$1 ตัน มีผลกระทบต่อกำไร 10 ล้านบาท/ปี) 2) เป็นช่วงคาบเกี่ยวการปิดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า GLOW Energy Phase 5 (กลับมาเดินเครื่องช่วงต้นเดือนมี.ค.) และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจะลดลง QoQ จากปริมาณผลิต ไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาลของปริมาณน้ำที่ประเทศลาว

ราคาพลังงานยังกดดันต่อเนื่องใน 2Q65

แนวโน้มผลประกอบการ 2Q65 ยังฟื้นตัวได้จำกัด คาดปัจจัยบวกจากการปรับเพิ่มค่า Ft เดือนพ.ค. – ส.ค. +23.38 สตางค์/หน่วย จะถูกชดเชยด้วยทิศทางราคาก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินที่ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง หากเป็นไปตามคาด ผลประกอบการ 1Q65 จะทำได้ต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้ามาก เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 – 2566 ลง 6 – 31% จากการปรับเพิ่มสมมติฐานต้นทุนเชื้อเพลิง และต้นทุนทางการเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ใหม่ที่ 5.0 พันล้าน บาท (-31% YoY) และปี 2566 ที่ 7.5 พันล้านบาท (+48% YoY)

มีโอกาสถูกตลาดปรับลดประมาณการ

แม้ระยะยาวเรายังชอบการเติบโตของ GPSC จากการเป็น Flagship ด้านพลังงานไฟฟ้าของเครือ PTT และมีการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-แบตเตอรี่ ซึ่งเป็น Trend อุตสาหกรรมในอนาคต อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการระยะสั้น (1H65) จะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น หลังเกิดเหตุการณ์ขัดแย้งรัสเซีย – ยูเครน และคาดว่าในช่วง 1 เดือนข้างหน้า หุ้นจะมีปัจจัยลบจากการถูกตลาดปรับลดประมาณการปีนี้ลง ทางพื้นฐานเราปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 72.00 บาท (DCF WACC 6% คงเดิม) คงคำแนะนำ “TRADING” เชิงกลยุทธ์มองว่านักลงทุนยังไม่ต้องรีบเข้าซื้อ โดยอาจรอจังหวะลงทุนอีกครั้งหลังผ่านงบ 2Q65 หรือเห็นสัญญาณปรับตัวลดลงของราคาพลังงานที่ชัดเจน

 

 

- Advertisement -