Our View? “อยากฟื้นบ้าง”

คาดตลาดวันนี้ “รีบาวด์ในกรอบจำกัด” มองแนวรับที่บริเวณ 1,660 / 1,655 และแนวต้านที่บริเวณ 1,670 / 1,675 คาดตลาดมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นตามจิตวิทยาเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้น หลังเมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP 1Q′65 ออกมา -14% QoQ สวนทางจากที่ตลาดคาดไว้ที่ 1.1% คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นความคาดหวังแนวโน้ม ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลงได้บ้างเล็กน้อย เป็นจิตวิทยาเชิงบวก หนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้บ้างในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม เรายังมองตลาดยังรอผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันที่ 3-4 พ.ค. นี้ คาด FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% รวมถึงจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลลง 9.5 หมื่น ล้านดอลลาร์/เดือน อีกทั้งคาด FED จะส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายทางการเงินมากขึ้น รวมทั้งมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงอีก 1-2 ครั้งถัดไป บ่งชี้แนวโน้มกระแสเงินทุนส่วนเกินลดลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี อีกทั้ง คาดว่าการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วของ FED คาดจะกระตุ้นความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ-โลกชะลอตัวลง เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

ขณะที่ Dollar Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดแกว่งตัวอยู่ที่บริเวณ 103.67 จุด ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 ปี จากแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายทางการเงินข้างต้นของ FED คาดจะเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่าลง รวมทั้งค่าเงินบาทที่ปัจจุบันอ่อนค่าที่ระดับ 34.40 บาท/ดอลลาร์ ทำจุดสูงสุดต่อเนื่องในรอบ 5 ปี ขณะที่แนวโน้มการโอนเงินปันผลกลับต่างประเทศของนักลงทุนต่างชาติ คาดยังหนุนค่าเงินบาทอ่อนค่าได้ต่อ คาดจะกระตุ้นแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในประเทศปรับตัวขึ้นได้ต่อ จากการที่ไทยเป็นประเทศนําเข้าพลังงานในสัดส่วนที่สูง การอ่อนค่าของค่าเงินบาทจะหนุนทิศทางราคาพลังงานปรับตัวขึ้นได้ต่อ ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งเราคาดว่าแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง จะกระตุ้นแนวโน้มการขายทำกำไร – ลดการเข้าถือสินทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติ กดดันตลาดหุ้นไทยได้ต่อ

ทางด้านราคาสัญญานํามันดิบล่วงหน้า WTI  ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น +3.34 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 105.36 ดอลลาร์/บาร์เรล +3.27% หลังได้ปัจจัยบวกจากรายงานเยอรมนีมีแนวโน้มออกมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของรัสเซียร่วมกับสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มเติม กระตุ้นความกังวลอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกตึงตัวมากขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อีกทั้งการที่ยุโรปหันนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้น เพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซีย คาดหนุนทิศทางค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น (TOP, SPRC, BCP และ ESSO)

ในส่วนของปัจจัยในประเทศ คาดตลาดจะยังติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของ บจ. ต่อ อย่างไรก็ตาม เรามีความกังวลการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อไทย จากแนวโน้มการอ่อนค่าต่อเนื่องของค่าเงินบาท และการที่รัฐบาลเตรียมยกเลิกอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร คาดจะเริ่มในวันที่ 1 พ.ค. นี้ ขณะที่การอ่อนค่าต่อเนื่องของค่าเงินบาท คาดจะกระตุ้นแนวโน้มการขายทำกำไร – ลดการเข้าถือสินทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติ กดดันหุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่ได้อยู่ ทำให้เรายังคาดว่าหุ้นในกลุ่มขนาดเล็กและขนาดกลาง จะยังสามารถ Perform ได้ดีกว่า จากคาดการณ์หุ้นดังกล่าวได้รับผลจากการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติที่ลดลงค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม เราคาดจะหนุนหุ้นแรงเข้าซื้อเก็งกำไรในกลุ่มส่งออกอาหาร (CPF, GFPT, TU, TFG และ CFRESH) จากแนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้น รวมทั้งการรับรู้รายได้ในสกุลเงินบาทที่สูงขึ้น

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “TVO”

กลยุทธ์ แนวรับ 31.50 / 31.00 Target 33.50 / 35.00 Stop <30.50

- Advertisement -