Our View? “ไม่ไหวก็พักก่อน”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,655 / 1,640 และแนวต้านที่บริเวณ 1,675 / 1,680 คาดตลาดจะให้น้ำหนักไปกับการติดตามผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันที่ 3-4 พ.ค. นี้ โดยเรายังคาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% รวมถึงจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลลง 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน อีกทั้งคาด FED จะส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายทางการเงินมากขึ้น รวมทั้งมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงอีก 1-2 ครั้งถัดไป เพื่อสกัดการเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อ โดยล่าสุดตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน มี.ค. ออกมาที่ระดับ 0.9% MoM จากระดับ 0.5% MoM ในเดือน ก.พ. สะท้อนภาพการเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ คาดจะส่งผลให้กระแสเงินทุนส่วนเกินลดลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี อีกทั้งคาดว่าการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วของ FED คาดจะกระตุ้นความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ-โลกชะลอตัวลง เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
อีกทั้งเราคาดตลาดมีโอกาสเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากความกังวลเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงเช่นกัน หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต เดือน เม.ย. อยู่ที่ระดับ 47.4 สะท้อนแนวโน้มหดตัวของภาคการผลิตจีน จากแรงกดดันของการออกมาตรการ Lockdown เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีน คาดวะกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้เพิ่มเติม รวมทั้งยังเป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลดลง จากความกังวลในแนวโน้มการลดลงของอุปสงค์จากจีนคาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงได้ถ่วงตลาดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องของค่าการกลั่นจากการที่สหภาพยุโรป (EU) นําเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้น แทนนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น (TOP, SPRC, BCP และ ESSO) แกว่งตัวขึ้นได้ต่อ
ในส่วนของปัจจัยในประเทศ คาดตลาดจะยังติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของ บจ. ต่อ อย่างไรก็ตาม เราแนะนำระมักระวังแรงขายทำการหุ้นในกลุ่ม “หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม” หลังราคาปรับตัวขึ้น คาดสะท้อนประเด็นการผ่อนคลายนโยบายเข้าประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวไปในระดับหนึ่งแล้ว อีกทั้ง JP Morgan ออกมาปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไทยจากระดับ Overweight ลงสู่ Neutral จากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นไปได้ช้า จากภาวะเงินเฟ้อและสถานการณ์ COVID-19 ในจีน คาดจะกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้บ้างเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรายังคาดว่าหุ้นในกลุ่มขนาดเล็กและขนาดกลางจะยังสามารถ Perform ได้ดีกว่า จากคาดการณ์หุ้นดังกล่าวได้รับผลจากการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติที่ลดลงค่อนข้างน้อย ขณะที่เราคาดว่าหุ้นในกลุ่มส่งออกอาหาร (CPF, GFPT, TU, TFG และ CFRESH) ยังมีความน่าสนใจ จากราคาอาหารโลกที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากผลกระทบของกระทบของความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่หนุนทิศทางราคาปุ๋ยและอาหารสัตว์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “TOP”
กลยุทธ์ แนวรับ 55.00/54.00 Target 59.00 / 61.00 Stop <53.00