บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Non-bank Sector: ภาวะตลาดไม่เอื้อให้โตได้แรงเหมือนในอดีต
Event
ประมาณการ 1Q65F
Impact
คาดว่าผลประกอบการใน 1Q65F กำไรจะไม่โต
ถึงแม้ว่าบริษัทในกลุ่มนอนแบงก์เผยถึงการเติบโตสินเชื่อที่ดี โดยโตกว่า 20% YoY ใน 1Q65F แต่แนวโน้มผลประกอบกำไรดูจะยังไม่สูงจากผลของยีลด์สินเชื่อที่ลดลง และการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่ามีเพียง 2 บริษัทขนาดเล็ก (HENG และ SAK) เท่านั้นที่กำไรจะโตได้อย่างแข็งแกร่งจากฐานที่ต่ำตลอดทั้งปี 2564 ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มจะถูกฉุดจากคชจ. สำรองเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ MTC และ SAWAD เพราะฐานการตั้งสำรองที่ต่ำเกินไปตลอดทั้งปี 2564
ภาวะตลาดที่ยากขึ้นจำกัดโอกาสในการเติบโต
มีปัจจัยลบที่สำคัญ 3 ประการที่จำกัดแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในกลุ่มนอนแบงก์ 1) คชจ.สำรอง (credit cost) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากฐานต่ำเกินไปในปี 2564 และ NPL เพิ่มขึ้นทำให้คชจ. สำรองเพิ่มในปีนี้ 2565 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yield curve) เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น และเร็วขึ้นกว่าที่คาด และ 3) สัดส่วนหนี้ครัวเรือน/GDP ที่สูงเกิน 90% จำกัดโอกาสในการขยายสินเชื่อแบบมีคุณภาพ ทำให้การแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น และคชจ.สำรองฯเพิ่ม ทั้งนี้ จากภาวะตลาดที่เปลี่ยนไปดังกล่าวจะกระทบกับ MTC HENG และ SAK
อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yield curve) สูงขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนทางการเงินปรับขึ้นเร็วกว่าคาด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ ทำให้ต้นทุนการออกหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้อายุ 3 ปี มีต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณ 1-1.3% ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทในกลุ่มนอนแบงก์ทุกแห่งพึ่งพาเงินกู้ในรูปหุ้นกู้ และต้องรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ระยะยาวที่ครบกำหนด และจ่ายคืนสินเชื่อระยะยาว ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของฐานเงินทุนทั้งหมด หากตั้งมีการรีไฟแนนซ์หนี้ส่วนนี้ที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นประมาณ 0.3% ในปีนี้ และ 0.5%-1% ในปีหน้า ทั้งนี้ เราเป็นห่วง SAK และ HENG ที่มีต้นทางเงินเกินจริง เนื่องจากมีเงินทุนจาก IPO และไม่มีเงินทุนระยะยาวอยู่ในพอร์ตของบริษัท ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการเงินปรับเพิ่มขึ้นมากเป็นมากกว่า 4% (จาก <3% ในปัจจุบัน)
ปรับลดประมาณการกำไรของทุกบริษัทในกลุ่มลง
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2565/2566 ของบริษัทในกลุ่มลง 4%/6% เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ดังนั้นเราปรับราคาเป้าหมายปี 2565F เล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับประมาณการกำไร แต่เราปรับลดคำแนะนำหุ้น SINGER จากซื้อเป็นถือ เนื่องจากราคาหุ้นค่อนข้างแพงแล้ว และปรับลดคำแนะนำหุ้น AEONTS จากซื้อเป็นถือ ในขณะที่ปรับลดคำแนะนำหุ้น SAK และ HENG จากถือเป็นขาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายอีก เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ SAWAD เนื่องจากราคาหุ้นไม่แพง และคงคำแนะนำซื้อ KTC จากแนวโน้มการสร้างการเติบโตโดยอิงจากธนาคารแม่
Risks
แรงกดดันจาก Yield, ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น, NPL เพิ่มขึ้น และ credit cost เพิ่มขึ้น