บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY
TP upside (downside) 29.4%
Close May 5, 2022 Price (THB) 10.90
12M Target (THB) 14.10
Previous Target (THB) 14.10
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 412 ลบ. (-32.1% QoQ, -41.2% YoY) แต่จะได้แรงหนุนจาก Share premium จากการจัดตั้งบริษัท JV จำนวน 284 ลบ. หนุนกำไรสุทธิคาดที่ 696 ลบ. (-13.8% QoQ, -15.6% YoY)
- บริษัทรายงาน Presale 1Q65 ที่ 8.1 พันลบ. (+10.6% QoQ, +6.1% YoY) ปรับตัวดีขึ้นทั้งแนวราบและแนวสูง
- คาดผลประกอบการจะเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป จากการเลื่อนโอนโครงการขนาดใหญ่มาจากช่วง 1Q65
Our view
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.10 บาท/หุ้น (อิง PER2565 ที่ 9.7× เทียบเท่า +2.0 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท)
- เราคาดผลประกอบการ 1Q65 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี จากการมีโครงการเสร็จใหม่ไม่มาก ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีมี Backlog รอโอนอยู่อีก 1.4 หมื่นลบ.
- Upside risk สำคัญที่ยังไม่รวมในประมาณการ คือ การเข้าลงทุนในหลายธุรกิจใหม่ รวมถึงแผนการ Spin-off บริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ORIGIN PROPERTY Outlook ทั้งปียังแกร่งแม้คาด 1Q65 ชะลอ
คาดกำไร 1Q65 เป็นจุดต่ำสุดของปีจากการเลื่อนโอนโครงการใหญ่ไปยัง 2Q65
เราคาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 412 ลบ. (-32.1% QoQ, -41.2% YoY) ปรับตัวลดลงทั้ง QoQ และ YoY แม้คาดผลประกอบการของบริษัทลูกคือ BRI จะทำจุดสูงสุดใหม่ก็ตาม (คาดกำไรสุทธิ BRI ที่ 312 ลบ. ORI ถือหุ้น 70%) หลักๆ เป็นผลมาจากการเลื่อนการโอนโครงการ JV ขนาดใหญ่ไปยัง 2Q65 ได้แก่ โครงการ Park Origin Thonglor (มูลค่า 1.2 หมื่นลบ. ณ สิ้นปี 2564 มียอดขายแล้ว 75%) รายได้ 1Q65 (คาดที่ 3.2 พันลบ. ลดลง 12.8% QoQ และ 11.2% YoY) จึงมาจากการโอนโครงการแนวสูงเสร็จใหม่ 2 โครงการ คือ BRIXTON Pet&Play Sukhumvit 107 (มูลค่า 500 ลบ. มียอดขายแล้ว 65%) และ THE ORIGIN Ram 209 Interchange (มูลค่า 2.1 พันลบ. มียอดขายแล้ว 80%) เป็นผลให้เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลง 299 bps QoQ และ 395 bps YoY อยู่ที่ 35.3% จากสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์แนวราบที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 43% เมื่อเทียบกับช่วง 4Q64 และ 1Q64 ที่ 29% และ 24% ตามลำดับ (อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ราว 31-32% น้อยกว่าเมื่อเทียบกับแนวสูงที่ราว 35-38% +/-)
อย่างไรก็ดี เราคาดบริษัทจะมีกำไรพิเศษจากการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV Share Premium) จำนวน 284 ลบ. จากโครงการแนวสูง 2 โครงการรวมมูลค่า 3.4 พันลบ. และโครงการแนวราบ 3 โครงการรวมมูลค่ารวมราว 3.9 พันลบ. ซึ่งจะหนุนคาดการณ์กำไรสุทธิในช่วง 1Q65 เป็น 696 ลบ. (-13.8% QoQ, -15.6% YoY) หากบริษัทรายงานกำไร 1Q65 ใกล้เคียงกับที่เราคาดกำไรปกติและกำไรสุทธิจะคิดเป็น 11% และ 16% จากประมาณการของเราที่ 3.8 พันลบ. และ 4.4 พันลบ. ตามลำดับ
Presale ยังดูดี… Earnings Momentum ยังแข็งแกร่งตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป
แม้ยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวสูงจะชะลอตัวจากการเลื่อนโอนโครงการใหม่ แต่เรามีมุมมองเป็นบวกต่อยอด Presale 1Q65 ที่รายงาน 8.1 พันลบ. (+10.6% QoQ, +6.1% YoY) แบ่งออกเป็นโครงการแนวราบ 2.4 พันลบ. (+18.2% QoQ, +13.7% YoY) ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ขณะที่ Presale แนวสูงอยู่ที่ 5.8 พันลบ. (+7.7% QoQ, +3.3% YoY) สูงที่สุดในรอบ 3 ไตรมาสหลังการเปิดตัวโครงการใหม่ Take-up rate ได้ในระดับที่แข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรมมาก (อาทิ โครงการ SO Origin Kaset Interchange มูลค่า 1.5 พันลบ. มียอดขายแล้ว 70% และ Origin Plug & Play Nonthaburi Station มูลค่า 2.4 พันลบ. มียอดขายแล้ว 50% เป็นต้น)
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี เราคาดเบื้องต้นยอดโอนกรรมสิทธิ์และกำไรของบริษัทจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ช่วง 2Q65 และจะเป็นจุดสูงสุดในช่วง 3Q65 จากการมี Backlog รอโอนกรรมสิทธิ์กว่า 1.4 หมื่นลบ. (แบ่งเป็นโครงการ JV 1.1 หมื่นลบ. และโครงการของบริษัทราว 3.0 พัน ลบ.) โดยหลักๆ จะมาจากโครงการ JV ขนาดใหญ่ที่จะแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ช่วง 2Q65 เป็นต้นไป คือ Park Origin Thonglor (มูลค่า 1.2 หมื่นลบ. คาดเริ่มโอนในเดือน พ.ค. 2565) และ Park Origin Chula-Samyan และ Park Origin Ratchathewi มูลค่า 4.6 พันลบ. และ 3.0 พันลบ. ณ สิ้นปี 2564 มียอดขายแล้ว 98% และ 95% ตามลำดับ ที่คาดจะเริ่มโอนในช่วง 3Q65
นอกจากนี้ เราคาดยอด Presale ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2Q65 ในทิศทางเดียวกับยอดโอนกรรมสิทธิจากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 8 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.3 หมื่นลบ. เติบโตขึ้น 34% QoQ เมื่อเทียบกับช่วง 1Q65 ที่ 1.0 หมื่นลบ. ประกอบไปด้วยโครงการแนวราบขนาดใหญ่ 1 โครงการ คือ Britania Amata-Panthong (มูลค่า 2.0 พันลบ.) ซึ่งคาดสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.10 บาท/หุ้น
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.19 บาท/หุ้น (อิง PER2565 ที่ 9.7% เทียบเท่า +2.0 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท) ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER2565 ที่เพียง 7.5x ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม แต่เรามองว่า ORI ควรซื้อ-ขาย บน PER ที่เป็น Premium กว่ากลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ จากการเข้าลงทุนในหลายธุรกิจใหม่ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาบางส่วนในปี 2565 อาทิ Alpha Industrial Solution และ Thai Leaf ซึ่งเรายังไม่รวมไว้ในประมาณการ ขณะที่แผนการ Spin-off บริษัทลูกต่างๆ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นการปลดล็อกมูลค่าแท้จริงของแต่ละหน่วยธุรกิจในระยะกลาง-ยาว นอกจากนี้ เราคาดเงินปันผลงวดปี 2565/66 ที่ 0.75 บาท/หุ้น และ 0.80 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่ 6.9% และ 7.4% ตามลำดับ สูงเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่ม