ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ลงต่อ ตามปัจจัยลบจากต่างประเทศ

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ปรับลงต่อ… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์แต่ยืนไม่ได้ เผชิญแรงขายอีกในช่วงบ่าย (อ่อนแอกว่าคาด ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศกลับมาเป็นลบ กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนัก หลังจากความกังวลเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง ตามตัวเลขต้นทุนแรงงาน (unit labor cost) ไตรมาส 1/2565 ที่เพิ่มขึ้นแรงถึง 11.5% QoQ annualized ขณะที่สัญญาเฟด ฟันด์ฟิวเจอร์กลับมาให้น้ำหนักว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% ในการประชุม FOMC เดือนมิถุนายน และคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟด ณ สิ้นปี 2565 ที่ระดับสูงถึง 3.25% ii) ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อ (เป็นลบในเชิงแรงกดดันเงินเฟ้อ แต่น่าจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงาน outperform ตลาดได้ต่อ) หลังจากกลุ่มยุโรปผลักดันให้มีการแบนน้ำมันของรัสเซียทั้งหมดภายใน 6 เดือนจากนี้ ขณะที่ที่ประชุม OPEC+ เมื่อคืนนี้ ลงมติคงแผนเพิ่มกำลังการผลิต 4.32 แสนบาร์เรลต่อวัน… ขณะที่ในคืนวันนี้ สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payrolls) เมษายน 2565 ซึ่ง consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.91 แสนตำแหน่ง… ด้านปัจจัยภายในประเทศ เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ชะลอตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 7,705 ราย เสียชีวิต 62 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 11,252 ราย… สำหรับในสัปดาห์หน้า นักลงทุนควรติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ของ บจ. ไทย รวมทั้งการแถลงแนวนโยบายการเงินจากเจ้าหน้าที่เฟดที่จะออกมาระหว่างสัปดาห์

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร BANPU*, MAJOR*

  • BANPU* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 12.1 บาท / แนวต้าน 12.6 – 12.8 บาท หาก Breakout ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 13.1 บาท (Stop loss 11.6 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q65 = 1.11 หมื่นล้านบาท (+624% YoY, +219% QoQ) ทำจุดสูงสุดใหม่ตั้งแต่ 4Q53 จากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นแรง และกำไรพิเศษจากการขายหุ้นโรงไฟฟ้า Sunseap +5 พันล้านบาท ขณะที่แนวโน้มราคาถ่านหินยังสูงต่อเนื่องจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน 3) Forward PE ต่ำเพียง 3.6 เท่า และ PBV 1.06 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีตอยู่ที่ราว 0.9 เท่า) ขณะที่แนวโน้มกำไรปีนี้คาดโต +130% YoY เป็น 2.8 หมื่นล้านบาท
  • MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) แนวรับ 21.0 บาท / แนวต้าน 21.8 – 22.0 บาท (Trailing stop 20.5 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวก จากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และเตรียมกำหนดให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น หนุนธุรกิจโรงหนัง ขณะที่คาดหนังฟอร์มยักษ์เตรียมทยอยเข้าโรงอย่างต่อเนื่อง 3) ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q65 ฟื้นตัว YoY และมีโอกาสโต QoQ และคาดปีนี้พลิกกำไร +588 ล้านบาท ขณะที่ PBV 2.65 เท่า (1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) และราคาหุ้น Laggard กลุ่มท่องเที่ยว

หุ้นมีข่าว

(+) BFIT รวม SCAP กำไรพุ่ง โบรกเล็งอัพราคาใหม่! (ข่าวหุ้น) “บง.ศรีสวัสดิ์” (BFIT) งบปีนี้ทะยานหลัง ควบ SCAP ในไตรมาส 3/65 ที่ปรึกษาการเงินอิสระ (IFA) คาดกำไร SCAP ปี 65 ร่วม 800 ล้านบาท โต 170% โบรกฯ เตรียมอัพกำไร ราคาเป้าหมาย BFIT ใหม่ ราคา และ P/E ณ ปัจจุบันของบีฟิทยังไม่รวมการรับรู้รายได้และกำไรจาก SCAP ที่จะเติบโตแบบดับเบิลนับจากนี้ไป

(+) EP จ่อทุ่มกว่าหมื่นล้าน ผุดโรงไฟฟ้าลม สปป.ลาว (กรุงเทพธุรกิจ) “อีสเทอร์น พาวเวอร์” เผยศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่สปป.ลาว ร่วมกับพันธมิตรอีก 2 ราย กำลังผลิต 500-600 เมกะวัตต์ มูลค่า 2.5-3 หมื่นล้าน เล็งซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในเวียดนาม

(+) SPALI* เร่งตุนที่ดินรับสัญญาณคอนโด บ้านลักชัวรีพื้น (กรุงเทพธุรกิจ) ศุภาลัยส่งสัญญาณบวก “คอนโด-บ้านลักชัวรี” ไต่ระดับฟื้นตัว หลังชะลอนาน 2 ปี เทงบกว่า 8 พันล้าน เดินหน้ารับซื้อที่ดินทั่วประเทศรับแผนพัฒนาโครงการแนวราบ-แนวสูง

(+) SABUY มิ.ย.นี้ ปิดเพิ่ม 7-9 ดีล (ข่าวหุ้น) “สบาย” เตรียมปิดดีลลงทุนอีก 7-9 ดีล ในช่วงตั้งแต่ มิ.ย.นี้ หลังปิดไปแล้ว 5 ดีล “TSR-TSRL-DOU7” ล่าสุดเพิ่มลงทุน iSoftel และ SKV-SKM โดยออกหุ้นเพิ่มทุน PP ไม่เกิน 6 ล้านหุ้น แลกเข้าถือหุ้น iSoftel-SKV-SKM รวมมูลค่าราว 168 ล้านบาท ต่อยอดขยายธุรกิจ สร้างการเติบโต

(+) ASIAN คาด Q1 สวย ส่ง AAI ขายไอพีโอ (ข่าวหุ้น) ASIAN ส่งซิกไตรมาส 1/65 สวย! ประกาศงบ 9 พ.ค.นี้ รับยอดขายโต-คุมต้นทุนได้ดี พร้อมเดินหน้า “เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล” หรือ AAI เสนอขายไอพีโอ และเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วง ต.ค.-พ.ย.นี้ ล่าสุดส่งแบรนด์ “มองชู” บุกตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทย

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BCP* (เป่าพื้นฐาน 35 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 33 บาท)
  • SPA (เป้าพื้นฐาน 8.7 บาท) แนวรับ 7.7 บาท / แนวต้าน 8.0 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 7.65 บาท)
  • M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 54 บาท / แนวต้าน 55.5-56 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 54 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 17.8 บาท) แนวรับ 14.1 บาท / แนวต้าน 14.7-15.0 บาท (Trailing stop 14.0 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 28 บาท / แนวต้าน 29-30 บาท (Trailing stop 28 บาท)
  • CHAYO (เป้า Consensus 17.5 บาท) แนวรับ 12.6 บาท / แนวต้าน 12.9-13.3 บาท (Stop loss 12.6 บาท)
  • III (เป้า Consensus 20.5 บาท) แนวรับ 14.5 บาท / แนวต้าน 15.1-15.6 บาท (Stop loss 14.3 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • AOT แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 73 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดจะรายงานผลขาดทุนราว 2.9 พันล้านบาท ใน 2Q65 (ม.ค.-มี.ค.) เริ่มขาดทุนลดลงเทียบ QoQ, YoY และประเมินแนวโน้มผลจะค่อยฟื้นตัวในไตรมาสถัดๆ ไป จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
  • TACC แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 10.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q65 = 59 ล้านบาท (+26.3%YoY, +1.9% QoQ) และประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q65 จะดีต่อเนื่อง QoQ เพราะเป็น High season
  • HMPRO แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวในปีนี้จากการเปิดประเทศ และการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ
  • UBE แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 2.9 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q65 = 110 ล้านบาท (+190% YoY, -6% QoQ) ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯปีนี้ลง สะท้อนสมมติฐานต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 2.9 บาท (เดิม 3.2 บาท) แต่ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
  • DOHOME แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 27 บาท รายงานกำไร 1Q65 = 460 ล้านบาท (-15% YoY, +38% QoQ) ดีกว่าคาด +10% แต่เป็นไปตาม Consensus คาด
  • LPN แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท รายงานกำไร 1Q65 = 191 ล้านบาท (+55% YoY, +495% QoQ) ดีกว่าคาด +27% อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯประเมิน LPN มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนการก่อสร้าง จึงแนะนำเพียง “ถือ”

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -