SMT ยิ้มรับกำไรไตรมาส 1/65 เป็นไปตามเป้าที่ 56.92 ล้านบาท ส่วนรายได้อยู่ที่ 590.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ได้อานิสงส์ดีมานด์ที่แข็งแกร่งของธุรกิจ PCBA ที่เติบโตถึง 128.6% ส่วน IC โต 4.8% ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวลงทุนธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 150 ล้านบาท หวังขยายฐานธุรกิจ ต่อยอดรายได้
นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 56.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.86% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 51.81 ล้านบาท มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 590.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.19% ซึ่งได้อานิสงส์มาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของธุรกิจ PCBA ที่เติบโตถึง 128.6% และ IC เพิ่มขึ้น 4.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ผลประกอบการออกมาเป็นไปตามเป้าหมาย สะท้อนแผนธุรกิจและกลยุทธ์การหาลูกค้าที่แข็งแกร่งของบริษัท เป็นกำไรจากการดำเนินงานล้วนๆ โดยไตรมาส 1 มีกำไรขั้นต้นจำนวน 122.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์แน่นแล้ว 75% จากลูกค้ามีความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทแผงวงจร PCBA และ Fiber Optics ที่เติบโตต่อเนื่อง ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนคลี่คลายดีขึ้น และลูกค้าใหม่ที่ SMT ขยายตลาดไปยังสหรัฐฯ และยุโรปเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีลูกค้าใหม่เสริมพอร์ตเพิ่มเติมอีก ในขณะที่สถานการณ์ขาดแคลนชิปในปัจจุบันคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถส่งมอบงานลูกค้าได้ตามแผน เชื่อว่าสนับสนุนยอดขายปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3,300 ล้านบาท” นายวิรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดคณะกรรมการบรษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองบิตคอยน์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 150 ล้านบาท โดยจะจัดซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์ในระยะแรก จำนวน 200 เครื่อง วงเงินประมาณ 40 ล้านบาท โดยบริษัทได้จัดเตรียมสถานที่ ระบบไฟฟ้า ระบบอินเตอร์เน็ต และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้แหล่งเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัท เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ใหม่ คาดว่าจะติดตั้งเครื่องจักรและระบบต่างๆ โดยทยอยแบ่งการลงทุนเป็นหลายระยะ
“คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งพิจารณาข้อได้เปรียบของบริษัทที่เป็นผู้ผลิตและมีความสามารถในการบำรุงรักษาเครื่องขุดบิตคอยน์ได้เอง และได้พิจารณาถึงความเสี่ยงและมาตรการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวกับความผันผวนของราคา อัตราแลกเปลี่ยน และต้นทุนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบปฎิบัติการสำหรับการขุดบิตคอยน์ โดยบริษัทมีความพร้อมของระบบงานและบุคลากร โดย SMT เป็นผู้ผลิตเครื่องขุดบิตคอยน์ จึงมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ซึ่งบริษัทเล็งเห็นข้อดีของการลงทุน เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ เป็นการต่อยอดหน่วยธุรกิจสำหรับการขุดบิตคอยน์เพิ่มขึ้น” นายวิรัตน์ กล่าว
********