Daily Focus: Earnings and Value Play

2022SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงต่อเนื่องและแรงกว่าที่เราคาด ปิดลบอีก 25.09 จุด จากแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงที่ยังออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังนักลงทุนไม่เชื่อมั่น FED ว่าจะคุมเงินเฟ้อได้โดยไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องแต่ไม่หนาแน่นนัก 430 ลบ. (และยัง Short SET50 Index Futures อีกเกือบ 1.1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ปรับตัวลงต่อเนื่อง และหลุดระดับแนวรับจิตวิทยาที่ 1,600 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังเป็นลบอย่างหนัก หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลงแรงต่อเนื่อง เม็ดเงินยังคงไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าถือ Dollar กังวลนโยบายการเงินของ FED ที่จะดึงตัวเร็วต่อเนื่อง และมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5-0.75% ในการประชุม เดือน มิ.ย. พร้อมเริ่มลดขนาดงบดุลเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ยังเร่งตัว โดยวันพรุ่งนี้ต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯและจีนเดือน เม.ย. หากยังเร่งตัวมากกว่าคาดจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นต่อเนื่อง ภาพรวม SET Index เริ่มเห็นการพักตัวแรงกว่าที่เราประเมิน โดยหากหลุดระดับ 1,600 จุด จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,560-1,570 จุด โดยจะเป็นอีกระดับที่น่าสนใจในการ “สะสม หุ้นพื้นฐาน” รวมถึงมีโอกาสเกิด Technical Rebound จากสัญญาณ RSI ที่ Oversold อย่างมาก เรายังเน้นหุ้น Value Domestic และ Reopening Play ที่มี PER/PBV ไม่สูงเทียบกับในอดีตก่อน COVID-19 และระยะสั้นเลือกลงทุนหุ้นที่คาดประกาศผลประกอบการ 1Q22-2Q22 แข็งแกร่งและได้ประโยชน์จากบาทอ่อน

กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 1Q22 แข็งแกร่ง และยังเน้นลงทุนหุ้น Value และ Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : GFPT, ILINK, SAPPE, SMT, TH

หุ้นเด่นวันนี้ : ILINK

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท
  • คาดกำไร 1Q22 -32% Q-Q จาก Low Season แต่ +7% Y-Y เป็นจุดต่ำสุดก่อนเร่งตัวขึ้นทุกไตรมาสของปี ตามการรับรู้รายได้งาน EPC ที่จะเพิ่มขึ้น และธุรกิจ ITEL ฟื้นหลังโควิด รวมถึงได้ Strategic partner รุกธุรกิจ Data center
  • เราคาดกำไรปี 2022-2023 +16% Y-Y และ +15% Y-Y จากธุรกิจ Distribution โดยเฉพาะ Cabling ที่โตแกร่งซึ่ง ILINK มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด นอกจากนี้ยังมี Upside จากงานประมูลก่อสร้างสายเคเบิ้ลใต้น้ำเกาะเต่า มูลค่ากว่า 1 พันลบ.
  • แนวรับ 9.50-9.40//9.20 บาท แนวต้าน 10 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นอีก US$1,060 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$734 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกจากอินโดนีเซียอย่างหนัก US$178 ล้าน หลังกลับมาเปิดทำการหลังหยุดยาว ส่วนไทยและเวียดนามยังผสมผสาน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออกจากแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงที่ยังออกมาอย่างต่อเนื่องจาก Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯพุ่งขึ้นทะลุ 3% โดยยังกังวลเงินเฟ้อและการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) BH กำไร 1Q22 ที่โดดเด่นมานอกเหนือจากการระบาดของโอมิครอนแล้ว ยังได้อานิสงส์จากผู้ป่วยต่างชาติทั้งตะวันออกกลาง และอินโด-จีนที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง ขณะที่แนวโน้ม 2Q22 ปกติจะเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปี แต่เราเชื่อว่ายังเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่ง Y-Y หนุนจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติที่ยังต่อเนื่อง เราคาดกำไรปี 2022 +114% Y-Y กลับมาราว 70% เทียบกับช่วงก่อน COVID-19 ขณะที่ปี 2023 คาดโตต่อเนื่อง +54% Y-Y เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 205 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(0) DOHOME ล่าสุด SSSG 2QTD ยังบวกต่อ +15%-17% Y-Y ส่วนหนึ่งราคาเหล็กกลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง ช่วยหนุน Gross Margin เหล็กให้ทรงถึงปรับขึ้น Q-Q จึงคาดกำไร 2Q22 โตต่อ Q-Q แต่ยังลดลง Y-Y เพราะฐานสูง บริษัทเริ่มปรับขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุนที่ปรับขึ้น คาดหวังกำไร 2H22 จะกลับมาโต Y-Y อีกครั้ง และคงแผนเปิดสาขาใหม่ 5 แห่ง ระยะสั้นยังไม่มี Catalyst เด่นชัด ขณะที่ยังมีความกังวลต่อกำลังซื้อในต่างจังหวัด ยังคาดกำไรปี 2022 +3% Y-Y และคงราคาเป้าหมาย 23 บาท แนะนำ “ซื้อลงทุน”

(+) TKS กำไร 1Q22 +18% Q-Q, +33% Y-Y ใกล้เคียงคาด เติบโตจากแรงหนุนของส่วนแบ่งกำไร SYNEX ที่แข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจโรงพิมพ์โดยรวมฟื้นตัว Q-Q ได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แม้เรายังคงประมาณการกำไรปีนี้ +27% Y-Y แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 16 บาท รวม Dilution ของหุ้นปันผล และเพิ่ม Discount Rate สำหรับ SYNEX อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

(-) STA กำไร 1Q22 -22% Q-Q, -80% Y-Y ถูกกดดันจากกำไรของ STGT ที่ยังหดตัวแรง -43% Q-Q, -90% Y-Y จากราคาขายถุงมือยางที่ลดลง ส่วนธุรกิจยางธรรมชาติไม้รายได้ยังโต แต่ถูกกดดันจากต้นทุนที่เพิ่ม กำไร 1Q22 คิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปี เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายอีกครั้ง

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 653.67 จุด หรือ 1.99% ปิดที่ 32,245.70 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงรัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญเพื่อสกัดการระบาดของ COVID-19

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มเดินทาง-สันทนาการ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้น

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ รวมถึงกดดันจากจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุม COVID-19

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่บริเวณ 34.53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 6.68 ดอลลาร์ หรือ 6.1% ปิดที่ 103.09 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลว่าจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้และบางส่วนของกรุงปักกิ่งจะกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความต้องการ ใช้น้ำมัน ขณะที่ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 24.2 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 1,858.6 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,075.90 / -6.10

- Advertisement -