บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

BCPG Pcl. (BCPG.BK/BCPG TB)*

ผลประกอบการ 1Q65: มีกำไรก้อนใหญ่จากการขายโครงการ Geothermal

Event

ผลประกอบการ 1Q65 และมุมมองของเราหลังร่วมประชุม conference call

Impact

กำไรสุทธิใน 1Q65 ต่ำกว่าที่คาดไว้มาก

กำไรสุทธิของ BCPG ใน 1Q65 อยู่ที่ 1.36 พันล้านบาท (+473% QoQ, +160% YoY) ต่ำกว่า consensus ถึง 29% เนื่องจากมีผลการบันทึกผลขาดทุน 629 ล้านบาทจากการขายสินทรัพย์ และการด้อยค่าของสินทรัพย์ ซึ่งมาจากการตั้งสำรองหนี้ของ EDL 353 ล้านบาท และ ผลขาดทุน 267 ล้านบาทจากการด้อยค่าของโครงการ Chiba 2 อย่างไรก็ตาม กำไรจากธุรกิจหลักอยู่ที่ 517 ล้านบาท (-11% QoQ, +6% YoY) ดีกว่า consensus 15% เนื่องจากผลการดำเนินงานดีเกินคาด

ปัจจัยฤดูกาลทำให้ผลการดำเนินงานใน 1Q65 ลดลงจาก 4Q64

รายได้จากธุรกิจหลักลดลง 6% QoQ โดยสาเหตุสำคัญมาจากรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Nam San 3A & 3B กำลังการผลิต 114MWe) ที่ลดลงถึง 47% QoQ เนื่องจากเป็นช่วง low season อย่างไรก็ตาม รายได้จากโครงการ Solar ในประเทศไทยและญี่ปุ่นยังเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล และรังสีความร้อนที่สูงขึ้น ดังนั้น กำไรขั้นต้นจึงลดลง 9% QoQ โดยที่ GPM อยู่ที่ 63.7% (จาก 65.6% ใน 4Q64 และ 62.4% ใน 1Q64) นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดผลประกอบการคือส่วนแบ่งกำไรที่ลดลง 7% QoQ เนื่องจากรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ (geothermal) เพียง 2 เดือน (มกราคม – กุมภาพันธ์) ก่อนที่จะขายโครงการออกไปในเดือนมีนาคม 2565 โดยปัจจัยบวกเพียงประการเดียวคือ SG&A ลดลง 14% QoQ ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจหลักใน 1Q65 คิดเป็น 24% ของประมาณการปี 256 ของตลาด

ประมาณการใน 2Q65

เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 2Q65 จะลดลง QoQ เนื่องจากไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพ (ขายเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565) แต่จะยังได้อานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วง high season ของโรงไฟฟ้า solar ในไทย และญี่ปุ่น รวมถึงตัวเลขผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำด้วย ขณะเดียวกัน เราคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงอย่างมาก QoQ เพราะไม่มีกำไรจากการขายสินทรัพย์ข้างต้น แม้จะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จากการที่เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD

เป้าปี 2565

BCPG ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA >20-35% YoY (จาก +10.5% YoY ในปี 2564) โดยกำหนดงบลงทุน (capex) ไว้ที่ 3-4 หมื่นลบ. ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพื่อซื้อโครงการ และบางส่วนจะใช้ลงทุนในโครงการที่จะเสร็จปี 2565 ถึงแม้ว่าเป้าของบริษัทดูเหมือนจะน่าตื่นเต้นจะเป็นเชิงรุก แต่เรายังมองแบบอนุรักษ์นิยม เพราะบริษัทเคยปรับลดเป้า และเลื่อนกำหนดการดำเนินการทำให้โครงการต่างๆ ล่าช้ามาแล้ว

Valuation & Action

เรากำลังอยู่ระหว่างทบทวนราคาเป้าหมาย DCF ของเรา โดยเรากำลังปรับปรุงประมาณการเพื่อสะท้อนการขายโครงการในอินโดนีเซีย และใช้มุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นกับแนวโน้มในระยะต่อไป เราคิดว่าความท้าทายหลักอยู่ที่ผู้บริหารของ BCPG จะลงทุนโครงการใหม่ๆ อย่างไรให้ได้ผลตอบแทนที่ดี เพื่อปิด EBITDA gap ที่เกิดจากการที่ adder ที่ทยอยหมดอายุลง ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะซื้อขายที่ระดับ -1S.D. จากค่าเฉลี่ยในอดีต แต่เรามองว่ายังมีปัจจัยลบหลายประการ ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น, การอ่อนค่าของเงินบาท และความเสี่ยงจากการด้อยค่าขของสินทรัพย์ และการตั้งสำรอง

Risks

การปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -