MTC ประกาศงบไตรมาสแรกสุดอลังการ ผลงานทำ New High อีกครั้ง กำไรพุ่งแตะ 1,375 ล้านบาท ยอดลูกหนี้คงค้างอยู่ที่ 98,612 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มั่นใจพอร์ตสินเชื่อปี 65 พุ่งแตะ 1 แสนล้านบาทตามเป้า พร้อมเดินหน้าลุยขยายสาขาครบ 6,500 แห่ง ลุยปล่อยสินเชื่อเชิงรุก ทั้งสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ นาโนไฟแนนซ์ สินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน รับดีมานด์ลูกค้าเพิ่มขึ้น หนุนธุรกิจโตต่อเนื่อง สวนกระแสโควิด วางเป้าแผนงานในช่วง 4 ปีข้างหน้า พอร์ตสินเชื่อทะลุ 2 แสนล้านบาท

 

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/65 ทำสถิติ New High ได้อีกครั้ง โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15.31% และมีกำไรสุทธิ 1,375  ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และในไตรมาสแรกของปีนี้ได้สร้างสถิติสูงสุดใหม่โดยมีสินเชื่อคงค้างกว่า 98,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25,065 ล้านบาท หรือ 34.08% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 31 เดือนมีนาคม 2565 มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็นจำนวน 362 สาขา ส่งผลให้บริษัทมี 6,161 สาขา กระจายทั่วประเทศ

ทั้งนี้ แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ แต่ไม่ได้ทำให้พอร์ตสินเชื่อของบริษัทชะลอตัว เนื่องจากได้มีการวางแผนและกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก เพื่อขยายฐานลูกค้า รองรับดีมานด์ลูกค้าที่มีจำนวนมากทั่วประเทศ โดยในปีนี้วางแผนเปิดสาขาใหม่ 700 สาขา เมื่อรวมกับสาขาเดิมที่มีอยู่จะทำให้ภายในสิ้นปี 2565 จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 6,500 สาขา ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีจำนวนสาขา และลูกค้ามากที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้สามารถบริการแก่ผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อได้อย่างทั่วถึง และกระจายในวงกว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงมั่นใจว่า ปีนี้พอร์ตสินเชื่อจะมีการเติบโตประมาณ 30% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา

“ในปีนี้ MTC ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อพุ่งแตะระดับ 100,000 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักคือ เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) และธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่คือ เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) และเมืองไทย เพย์ เลเทอร์ (MTPL) เป็นธุรกิจที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำธุรกิจในอนาคต โดยมีการวางแผนการทำตลาดทั้งลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระหนี้ดี และการเข้าหาลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการใช้บริการผ่านการดำเนินงานของสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ”

นอกจากนี้ บริษัทได้เร่งทำการตลาดเพิ่มอีก 2 ธุรกิจคือ บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด ที่ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยตั้งเป้าว่า ในปี 2565 จะมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 10,000 ล้านบาท และบริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด ที่ให้บริการ “ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง” กับกลุ่มลูกค้าเดิม และหาลูกค้าใหม่มาเพิ่มเติม โดยการเสนอสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้และของใช้ในบ้าน ตามนโยบายซื้อก่อนผ่อนทีหลัง ซึ่งทั้ง 2 บริษัทถือหุ้นโดย เมืองไทย แคปปิตอล เกือบ 100%

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วง 4 ปี ข้างหน้า (2569) วางเป้าพอร์ตสินเชื่อทะลุ 200,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัวเทียบปี 2565 ที่วางเป้าทะลุ 100,000 ล้านบาท ซึ่งการจะก้าวสู่เป้าหมายดังกล่าว บริษัทต้องเติบโต 20-25% ต่อปี ตลอด 4 ปี อีกทั้งยังวางเป้าหมายควบคุมหนี้เสีย (NPL) ไม่เกิน 2%

***********

- Advertisement -