บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Shrinkflex (Thailand) PCL (SFT.BK/SFT TB)
จะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไป
Event
ประชุมนักวิเคราะห์
Impact
ยังคงเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายปีนี้เอาไว้ที่ 15%
ถึงแม้ว่ายอดขายของ SFT ใน 1Q65 จะโตเพียง 8% YoY แต่ผู้บริหารยังคงเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายปีนี้เอาไว้เท่าเดิมที่ 15% เนื่อง เนื่องจาก i) กำลังจะเข้าสู่ช่วง peak ตามฤดูกาลใน 2Q65 ii) กลับมาเปิดดำเนินการตามปกติหลังจากที่การผลิตสะดุดใน 1Q65 เนื่องจากมีคนงานบางส่วนที่ต้องกักตัวเพราะติด COVID-19 iii) มีการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทาง ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้า (exhibitions) สี่งานในปีนี้ vi) มีการออกสินค้าใหม่ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ (flexible packaging) และ v) คาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะสร้างเสร็จใน 3Q65 ดังนั้น เราเราจึงยังคงสมมติฐานยอดขายปีนี้เอาไว้เท่าเดิมที่ 902 ล้านบาท (+14% YoY) และปีหน้าที่ 1 พันล้านบาท (+15% YoY)
มีแรงกดดันในด้านของอัตรากําไรขั้นต้นอยู่บ้าง
เราคาดว่าราคา PVC และ PET ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของ SFT จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการแทรกแซงจากรัฐบาลจีน และราคาน้ำมันขยับสูงขึ้น ถึงแม้ว่า SFT จะบอกว่าบริษัทสามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ลูกค้าได้ แต่อาจจะต้องอาศัยเวลา และทยอยปรับขึ้นเป็นบางส่วน (เพราะเป็นห่วงเรื่องการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า) โดยบริษัทจะเดินหน้าเจรจาขอปรับราคากับลูกค้า ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไป อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นอาจจะไม่กลับไปเท่ากับในอดีต เพราะบริษัทจะต้องแบกรับต้นทุนเอาไว้บางส่วน ดังนั้น เราจึงปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเล็กน้อยจาก 28.5% เหลือ 26.5% ในปี 2565F และจาก 29% เหลือ 28% ในปี 2566F
PER สมควรจะมี Premium
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ลง 12% และปี 2566F ลง 6% ซึ่งจะทำให้ core EPS ของ SFT โต 14% YoY ในปี 2565F และ 26% ในปี 2566F เราเชื่อว่ากำไรของ SFT จะโตได้ถึงสองหลัก เพราะบริษัทมีการเตรียมการขยายกำลังการผลิตเอาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้สามารถตอบสนองต่ออุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหาร (ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นหลัง COVID-19) ทั้งนี้ จากแนวโน้มการเติบโต และผลประกอบการที่น่าจะดีขึ้น QoQ เราจึงมองว่าหุ้น SFT สมควรจะมี premium
Valuation & action.
เราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ลงเหลือ 6.30 บาท จากเดิม 7.00 บาท โดยอิงจาก PER เท่าเดิมที่ 25.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก +1.0 S.D.) และคงคำแนะนำซื้อ SFT
Risks
ราคาวัตถุดิบผันผวน, เกิด disruption ในสายการผลิต, วัตถุดิบและสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วเสียหาย, ความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับฉลากพลาสติก, ความกังวลต่อสิ่งแวดล้อม, คู่แข่งรายใหม่, อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน