WFX เปิดผลงานไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิแตะ 111.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177.19% จากงวดเดียวกันปีก่อน รายได้พุ่งแตะ 1,134.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.90% ระบุเป็นผลจากการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม สนับสนุนปริมาณการจำหน่าย วมทั้งมีการปรับราคาขายสินค้า หลังราคาเฉลี่ยของน้ำยางข้นสูงพุ่ง พร้อมเดินหน้าทำตลาดแบบตรงเข้าสู่ End Users ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป และ อเมริกาใต้ เร่งขยายกำลังผลิตรับออเดอร์ล่วงหน้าไหลเข้าเพียบ มั่นใจดันผลงานปีนี้เข้าเป้าโต 10-15%

 

นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด(มหาชน) หรือ WFX เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 ของบริษัท มีกำไรสุทธิ 111.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177.19% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 40.15 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,134.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.90% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 718.60 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณการจำหน่ายสูงขึ้น โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization rate) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านขนาดและคุณภาพที่แตกต่างกันไป ขณะเดียวกัน การที่ราคาเฉลี่ยของน้ำยางข้นในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีการปรับขึ้นราคาขายเส้นด้ายยางยืดตามราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น  อีกทั้งบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้แก่กลุ่มลูกค้าประเภท End user เพิ่มขึ้น

“มองว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทอจะกลับมาฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้  ซึ่งมีการชะลอตัวในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม จะมีมากขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กลับมาฟื้นตัวและเติบโต ทำให้มีความต้องการสินค้าที่หลากหลายตอบรับกับแผนขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของเส้นด้ายยางยืดเคลือบแป้ง และเคลือบซิลิโคน ผลักดันให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว”

สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2/65 บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์การบุกตลาด เพื่อชิงส่วนแบ่งนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้น  เช่น ประเทศในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้ รวมทั้งเลือกใช้ช่องทางการทำตลาดแบบตรงเข้าสู่ End Users โดยตรง  ตลอดจนการที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนลดลง (Economy of scale) รองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในแต่ละ segment ทำให้ขายได้มาร์จิ้นที่สูงขึ้น

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 มั่นใจว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อน ตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งเป็นไปตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยคาดการขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดจะเร็วกว่าแผนที่วางไว้ ซึ่งในเฟสแรกมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ซึ่งอาจจะแล้วเสร็จก่อนกำหนดการเดิม ขณะที่เฟสที่สองจะเร่งให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565โดยจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 เฟสรวมอยู่ที่ประมาณ 20-30% จากกำลังการผลิต ณ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

**********

- Advertisement -