นายพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด

COLOR โชว์งบไตรมาส 1/64 รายได้รวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% ขณะที่กำไรสุทธิ 14.16 ล้านบาท รับยอดขายเม็ดพลาสติกโตต่อเนื่อง บวกแรงส่งธุรกิจใหม่ Floating Solar เริ่มเปิดฉากรับรู้รายได้ พร้อมสั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีก 15 เมกะวัตต์ คาดติดตั้งภายในไตรมาส 3/65 นี้ มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15% ตามแผน พร้อมเล็งไลน์ฐานธุรกิจใหม่ พุ่งเป้าด้านการเกษตร ก่อสร้าง คาดเห็นชัดเจนภายในปีนี้ ระบุเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ

 

นายพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) หรือ COLOR  เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53 ล้านบาท หรือ 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 14.16 ล้านบาท โดยปัจจัยที่สนับสนุน เนื่องจากยอดขายในส่วนธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นธุรกิจหลักมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบรรจุภัณฑ์ อุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์พลาสติกเกี่ยวข้องอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19  ทำให้ยอดใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท ถาด ถ้วย ถุง ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้เพิ่มจากธุรกิจใหม่ พลังงานทดแทน ผลิตทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) เพื่อใช้สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ (Floating PV System) ขนาดกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์

สำหรับการผลิต Floating  กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ ปัจจุบันบริษัทได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักร เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตทุนลอยน้ำสำหรับพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 15 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้รับและติดตั้งเครื่องจักรภายในไตรมาส 3/65 ส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีสูง ซึ่งจะช่วยผลักดันการสร้างรายได้ นอกเหนือจากธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติกที่สร้างรายได้หลัก โดยตั้งเป้าธุรกิจใหม่จะสร้างรายได้อยู่ที่ 10-15% ของรายได้รวมใน 1-2 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เน้นที่ อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งในส่วนของอุตสาหกรรมเกษตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำวิจัยและพัฒนา เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม และบริษัทต้องการเพิ่มศักยภาพให้เกษตรกร เพราะสินค้าที่พัฒนาจะเป็นสินค้านวัตกรรมที่จะสร้าง productivity ทำให้คุณสมบัติของสินค้าเกษตรมีมูลค่าสูงขึ้น ลดต้นทุนให้เกษตรกร เช่น การพัฒนาให้พืชที่ปลูกมีอัตราการโตจะเร็วขึ้น และมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น คาดเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม

******

- Advertisement -