UPA ไฟเขียวเข้าลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ดิจิทัลฯ ใน สปป.ลาว ผ่านบริษัทร่วมทุน UPA และ AIFS ธุรกิจให้บริการพื้นที่และสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 12,000 เครื่อง กำลังการผลิตไฟฟ้า 40 เมกะวัตต์ ระบุธุรกิจเหมืองคริปโทเคอร์เรนซี เป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ส่งสัญญาณแนวโน้มไตรมาส 2/65 โตแกร่ง หลังติดตั้งเครื่องครบ 6,000 เครื่องตามแผน หนุนผลงานปีนี้โตก้าวกระโดด

 

นายกวิน เฉลิมโรจน์  ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเข้าลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ Asia Investment And Financial Services Sole Company Limited (AIFS) บริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของ สปป.ลาว สำหรับการร่วมทุนในธุรกิจให้บริการพื้นที่และสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency Mining) ใน สปป.ลาว

ทั้งนี้ จะเป็นการสร้างโรงงาน ซึ่งมีระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ครบวงจร เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบระบายความร้อน ทีมพนักงาน และพื้นที่ตั้งเครื่องขุดคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อให้บริการกับเจ้าของเครื่องขุดคริปโทเคอร์เรนซีที่ประสงค์จะใช้บริการ โดยการแบ่งปันผลประโยชน์เป็นเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่ขุดได้ ซึ่งสามารถรองรับเครื่องขุดคริปโทเคอร์เรนซีด้วยกำลังไฟฟ้าถึง 40 เมกะวัตต์ ในจำนวน 12,000 เครื่อง

“การขยายการลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการขยายการลงทุนในลักษณะให้บริการพื้นที่และสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency Mining ) ภายใต้จำนวนเครื่อง 12,000 เครื่อง กำลังผลิตไฟฟ้า 40 เมะวัตต์  ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นเทรนด์ของโลกยุคใหม่และยังเติบโตได้ และเชื่อว่า สินทรัพย์ดิจิทัล จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มผลักดันอนาคตเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด อีกทั้งจะเป็นการต่อยอดจากธุรกิจพลังงาน”

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/65 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้มีการทยอยติดตั้งเครื่องครบ จำนวน 6,000 เครื่อง กำลังผลิตไฟฟ้า 20 เมะวัตต์ และการซื้อไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์ เพื่อสำรองการขยายโครงการที่เหมืองที่เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ สปป.ลาว ตามแผนงานที่วางไว้ โดยเฉพาะจำนวน 4,000 เครื่องในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามการรับรู้รายได้จากเครื่องขุดที่มีจำนวนมากขึ้น

“มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 306.56 ล้านบาท โดยคาดว่า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง และจะเป็นรายได้หลักบริษัทในปีนี้ โดยวางเป้าหมายธุรกิจคริปโทฯ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และในปี 2566 คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้แตะ 70% อีก 30% จะมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าและอื่นๆ” นายกวิน กล่าว

*****

- Advertisement -