ECF เผยเจอผลกระทบต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น กดดันกำไรงวดไตรมาสแรกให้ปรับตัวลดลง 11.04% โดยมีกำไรสุทธิ 12.35 ล้านบาท สวนทางรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.63% ระบุจากปัญหาค่าครองชีพสูง ผู้บริโภคเริ่มมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย เร่งเดินหน้าปรับกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนการผลิตและการขายให้มีความรัดกุม รับมือกับสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่อาจจะส่งผลกระทบด้านลบเพิ่มขึ้นในอนาคต หวังมุ่งรักษาอัตราการเติบโตของรายได้

 

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม  420.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวของปีก่อนที่มีรายได้รวม 413.81 ล้านบาท จำนวน 6.75 ล้านบาท หรือ 1.63% และมีกำไรสุทธิ 12.35 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.89 ล้านบาท จำนวน 1.53 ล้านบาท หรือ 11.04%

ทั้งนี้ รายได้รวมของบริษัทยังคงเติบโต แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีปัจจัยลบหลายด้านกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยสามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายภายในประเทศเติบโต 5.73% ขณะที่รายได้จากการส่งออกลดลงเล็กน้อย 4.19% โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ 55% และจำหน่ายภายในประเทศ 45%

ส่วนกำไรสุทธิที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ประกอบกับค่าครองชีพสูง ผู้บริโภคเริ่มมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการปรับปรุงการผลิต การดำเนินงาน เพื่อบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและการขายให้มีความรัดกุม รอบคอบยิ่งขึ้น เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่อาจจะส่งผลกระทบด้านลบเพิ่มขึ้นในอนาคต

สำหรับแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2 บริษัทพยายามรักษาระดับยอดขายเฟอร์นิเจอร์ ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งบริหารจัดการออเดอร์ที่ได้รับมาให้มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและการขาย เพื่อเพิ่มความสามารถการทำกำไร

ด้านธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 220 เมกกะวัตต์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา ที่เข้าลงทุนในสัดส่วน 20% สำหรับเฟสแรก (50 เมกกะวัตต์จำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว) ยังคงสามารถจำหน่ายไฟฟ้าและเรียกเก็บเงินได้ตามปกติ และการก่อสร้างเฟส 2 อีก 50 เมกกะวัตต์ มีความคืบหน้า สามารถดำเนินการได้ตามแผน คาดจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปีนี้

**********

- Advertisement -