ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนแกว่งในกรอบแคบเพียง +0.15% หลังจากในช่วงแรกปรับตัวลงมาแรงถึง 1.6% หลักๆ แล้ว บรรยากาศการลงทุนในสหรัฐยังถูกปกคลุมด้วยความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงถัดไป โดยเมื่อคืน สหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือน เม.ย. สู่ระดับ 5.91 แสนยูนิต ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด 7.51 แสนตำแหน่ง และนับเป็นยอดขายที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ขณะเดียวกันมีการรายงาน PMI ภาคบริการต่ำกว่านักวิเคราะห์ คาดการณ์ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีเริ่มปรับตัวลงมา เชื่อว่าเป็นเพราะการคลายกังวลกับ เงินเฟ้อ แต่อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี กำลังสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไม่ดีที่แสดงของตลาดจากนี้ แนะติดตามใกล้ชิดเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ เนื่องจากสัดส่วนหลักมาจากสินค้าเกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย (42%) ส่วน NASDAQ ปรับฐานแรง 2.35% หลัง Snapchat ระบุว่าบริษัทอาจพลาดเป้าในด้านรายได้และกำไร ส่งผลให้เกิดแรงขายในกลุ่ม Technology ในภาพรวม ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.5% กังวลอุปสงค์หายไปจากภาวะเศรษฐกิจที่มีโอกาสเกิดการถดถอย ระยะสั้นเป็นลบกับกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) โดยคืนนี้รอติดตามผลประชุมของ FED สำหรับประชุมต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ประเมิน SET INDEX วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1622 – 1637 ภาพรวมยังขาดปัจจัยใหม่ ขณะที่เช้านี้ Nikkei เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ราว -0.4%

เชิงกลยุทธ์การลงทุน เน้นทยอยทำกำไรหลังแนะซื้อก่อนหน้าไปที่บริเวณ 1,580 เราเชื่อว่าความกังวลเศรษฐกิจจะเริ่มเข้ากระทบกับการลงทุน ยังคงมองกรอบการฟื้นตัว Upside จำกัดราว 1660 – 1680 ทั้งนี้แนะสะสมกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC RATCH) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) สำหรับการลงทุนช่วงนี้ ระยะสั้นเน้นสินค้าจำเป็น ค้าปลีกอาหาร (BJC CPALL MAKRO) โรงพยาบาล (BCH CHG)

RATCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48 บาท) คาดกำไร 2Q22 ปรับดีขึ้น QoQ จาก 1) ส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจาก HPC และ 2) ส่วนแบ่งกำไรจากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังก๊าซแห่งใหม่ขนาด 145MWe ใน 1Q22 ขณะที่คาดว่าส่วนแบ่งกำไรเต็มไตรมาสจากโครงการที่ COD ใน 1Q21-1Q22 ด้วยกำลังการผลิตรวม 476MWe จะช่วยหนุนในเชิง YoY

CPALL (ถือ / ราคาเป้าหมาย 66.5 บาท) แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะค่อยๆ ดีขึ้นหลังจากมีการเปิดประเทศ โดยต้องติดตามว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากน้อยเพียงใด รวมถึงการรับรู้โลตัสจะทำให้ผลประกอบการขยายตัวเมื่อเทียบ YoY ได้ แต่กำไรสุทธิอาจจะไม่เติบโตเท่ารายได้ เนื่องจากโลตัสเองยังมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบ IT และ Re-Brand อยู่

*หมายเหตุ ชุดหุ้นที่แนะนำเหมาะสำหรับการซื้อเพื่อถือลงทุน 1-14 วัน หากนักลงทุนมีกำไรก็สามารถทำกำไรได้ โดยแนะตั้ง Stop loss หากขาดทุนเกินกว่า 5% ส่วนราคาเป้าหมายเป็นราคาภายใน 1 ปีจากปัจจุบันที่มาจากปัจจัยพื้นฐาน

- Advertisement -