ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

เทรดไซด์เวย์ ติดตามรายงานประชุมเฟดคืนวันนี้

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพุธ เทรดไซด์เวย์… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าที่เราคาด  เผชิญแรงขายทำกำไรหลังจากดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลายวัน (แต่ไม่ได้มีปัจจัยลบที่มีนัยสำคัญเข้าสู่ตลาด)… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นกลางลบเล็กน้อย i) ที่ลดลงแรง 16.6% ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวค่อนข้างแรง ไม่ว่าจะเป็นยอดขายบ้านใหม่ เม.ย. ที่ลดลง MoM รวมทั้งดัชนี flash PMI สหรัฐฯ เดือน พ.ค. ออกมาต่ำกว่าที่ consensus คาด และปรับลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะถัดไป ขณะที่ดัชนี NASDAQ ร่วงแรง 2.35% หลังจาก Snap Inc. ออกมาเตือนถึงการชะลอตัวของธุรกิจและผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ii) บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ ร่วงลงต่อ (เป็นผลดีต่อจิตวิทยาของสินทรัพย์เสี่ยงในเอเชีย) หลังจากประธาน ธ.กลางยุโรป ให้ความเห็นว่า ECB น่าจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้นักลงทุนควรติดตาม US FOMC meeting minutes ในคืนวันนี้ เพื่อติดตามแนวนโยบายการเงินของเฟดต่อไป ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศนั้น เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทรงตัวที่ 5,013 ราย เสียชีวิต 33 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 5,591 ราย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร MAJOR*, OTO, UBE

  • MAJOR* (เป้า Consensus 24.7 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 21.0 บาท / แนวต้าน 21.5-2.0 บาท กรณีผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 23.0 บาท (Stop loss 20.2 บาท) 2) ประเมิน Earnings momentum เป็นขาขึ้นตามการฟื้นตัวของธุรกิจ หลังภาครัฐฯ ทยอยปลดล็อคมาตรการโควิด-19 และคาดมีโอกาสปรับความจุในการเข้าชมโรงภาพยนต์ขึ้นเป็นเต็ม 100% (ปัจจุบัน 75%) หลังการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น (คาด ก.ค.นี้) 3) หนังฟอร์มยักษ์เตรียมทยอยเข้าโรง อาทิ Top Gun: Maverick / Jurassic World Dominion เป็นต้น หลังจากที่หนัง Doctor Strange ทำรายได้ให้ MAJOR ถึง 225 ล้านบาท (เริ่มฉาย ต้น พ.ค.) 4) PBV 2.6 เท่า (คิดเป็นราว 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) ขณะที่คาดปีนี้กำไรจากการดำเนินงาน Turnaround YoY
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 13.0 บาท / แนวต้าน 13.6-13.9 บาท หาก Breakout ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 14.5 บาท (Stop loss 12.6 บาท) 2) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q65 Turnaround จากธุรกิจ Esports ที่จะเริ่มรับรู้รายได้การลงทุนในทีม PSG (ROV) หลังจากที่ 1Q65 มีผลขาดทุนจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงาน และล่าสุดอนุมัติลงทุนในทีม XERXIA (Valorant) (ยังไม่รวมในประมาณการฯ) ขณะที่ 3Q65 จะเริ่มรับรู้รายได้จาก Platform HUBBER (ศูนย์รวมการเล่มเกมส์ออนไลน์) 3) ประเมินกระแส Esports ในไทยเริ่มดีต่อเนื่อง หลังทีม Esports ไทยได้เหรียญรางวัลจากการแข่งซีเกมส์
  • UBE (เป้าพื้นฐาน 2.9 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.02 บาท / แนวต้าน 2.1 บาท กรณี Breakout แนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 2.2 บาท (Stop loss 1.98 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q65 ทรงตัว QoQ ที่ระดับ +100 ล้านบาท แม้จะมีการ Shutdown โรงงาน 14 วัน จากอัตรากำไรของเอทานอลที่ดีขึ้น และยอดขายแป้งทั้ง Starch / Flour เติบโต และคาด Earnings momentum 2H65 โต + HoH จากยอดส่งออกแป้งที่เติบโต โดยเฉพาะตลาดยุโรป (เป็นสินค้าทดแทนแป้งสาลีที่ขาดแคลน) 3) Forward PE ปีนี้เพียง 16 เท่า และหากพิจารณา PEG ต่ำเพียง 0.6 เท่า (คาด EPS โต +41% ต่อปี 2564 – 66 CAGR)

หุ้นมีข่าว

(-) รื้อสัญญา BTS สายสีเขียว บิ๊กเปิดทาง “ชัชชาติ” เจรจา 4 ฝ่าย (ประชาชาติธุรกิจ) ผู้ว่า กทม.คนใหม่ “ชัชชาติ” ประเดิมรื้อรถไฟฟ้าสายสีเขียว เร่งแก้ปัญหาตั๋วแพง-โฟกัสฟีดเดอร์ ขอโอนโปรเจ็กต์ให้คมนาคม บิ๊ก BTS* ยินดีเจรจา “บิ๊กตู่” เปิดทาง 4 ฝ่ายยุติเกม ปมขยายสัมปทาน 30 ปี “ศักดิ์สยาม” เตือนระวังเสียค่าโง่ นักวิเคราะห์ชี้เลิกสัมปทานไม่ง่าย นักธุรกิจขานรับนโยบายพลิกโฉมกรุงเทพฯ สู่ “New Chapter เมืองน่าอยู่” ค่ายมือถือหนุนดึงสายไฟลงดิน สร้างภาพลักษณ์เมืองหลวง

(+) STARK ทุ่ม 2 หมื่นล.เทกฯ LEONI ต่อยอดธุรกิจ EV car & Charging station (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ซื้อกิจการ LEONI ผู้ผลิตสายไฟฟ้าอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ระดับโลก สัดส่วน 100% มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 560 ล้านยูโร หรือประมาณ 20,588.90 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจสู่ EV car & Charging station เดินหน้าเจาะตลาดอาเซียน ใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินกู้เป็นหลัก และกระแสเงินสด คาดแล้วเสร็จไตรมาส 4 หนุนผลงานปี 65 โตอย่างมีนัยสำคัญ

(+) BYD พันธมิตรใส่ 9.2 พันล. เดินรถ 81 เส้นทางเงินเข้า (ทันหุ้น) BYD แจ้งขายหุ้นเพิ่มทุน PP ให้ พันธมิตรราคา 7,062 บาท จ่อรับเงิน 9.2 พันล้านบาท ลุยธุรกิจเดินรถโดยสาร หลังได้รับใบอนุญาตอีก 71 เส้นทาง รวมเป็น 81 เส้นทาง ต้องเดินรถทั้งหมด พ.ย.นี้ เตรียมรับมอบรถบัสไฟฟ้าอีก 150 คัน มิ.ย. มั่นใจปีนี้เทิร์นอะราวด์ ขณะที่ธุรกิจหลักทรัพย์โดดเด่น

(+) GUNKUL จ่อชิงพลังงานลม ลุยต่อยอดกัญชาต่างแดน (ทันหุ้น) GUNKUL วางเป้ารายได้ปีนี้ เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% คาด EBITDA โต 30-35% ลั่นหวังชนะประมูลโครงการพลังงานลม 4-5 โครงการ อีกทั้งเล็งต่อยอดปลูกกัญชาหลังรัฐบาลปลดช่อดอกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ต้นเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมดัน “กันกุล พาวเวอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” เข้าตลาดหุ้น เริ่มไฟลิ่งไตรมาส 4/2565

(+) ITEL รายได้ปีนี้พุ่ง 3.2 พันล้าน ผนึก Etix Everywhere ลุยสร้าง Data Center 2 แห่ง (ข่าวหุ้น) ITEL เป้าปีนี้รายได้โต 30% แตะ 3,200 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 3,563 ล้านบาท รับรู้ปีนี้ 1,909 ล้านบาท เตรียมเซ็นสัญญาใหม่อีก 2,000 ล้านบาท พร้อมรับรายได้จากบลูโซลูชั่นขั้นต่ำกว่า 344 ล้านบาท ล่าสุดผนึก Etix Everywhere ลุยสร้าง Data Center 2 แห่ง ประเมินสร้างรายได้ไม่ต่ำ 200 ล้านบาทต่อปี

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BEM* (เป้า Consensus 9.9 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 8.9 บาท)
  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) แนวรับ 24.9 บาท / แนวต้าน 25.75-27.0 บาท (Trailing stop 24.7 บาท)
  • IVL* (เป้าพื้นฐาน 59 บาท) แนวรับ 48.0 บาท / แนวต้าน 50-52 บาท (Trailing stop 47.5 บาท)
  • IP (เป้า Consensus 26.6 บาท) แนวรับ 200 บาท / แนวต้าน 20.8-21.2 บาท (Stop loss 19.6 บาท)
  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 18 บาท) แนวรับ 14.9 บาท / แนวต้าน 15.5-16 บาท (Stop loss 14.5 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 14.7 บาท / แนวต้าน 15.2-15.7 บาท (Stop loss 14.5 บาท)
  • INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 89.5 บาท) แนวรับ 72.5 บาท / แนวต้าน 76 บาท (Stop loss 71.5 บาท)
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 75 บาท) แนวรับ 63.5 บาท / แนวต้าน 65-67 บาท (Stop loss 63.5 บาท)
  • DOHOME* (เป้าพื้นฐาน 22.5 บาท) แนวรับ 18.8 บาท / แนวต้าน 19.4 – 19.7 บาท (Stop loss 18.8 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

OSP แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 40.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ กลับมาออกบทวิเคราะห์หุ้น OSP* ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินธุรกิจเครื่องดื่มเริ่มฟื้นตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ (พม่าและกัมพูชา) รวมทั้งการทยอยปรับราคาขายชดเชยต้นทุนที่ปรับขึ้น ด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งคาด จ่ายปันผลได้ในอัตราที่สูง (Dividend yield ปี 2565 66 ราว 3.2% – 3.7%)

 

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -