บล.พาย:

บมจ. ช.การช่าง (CK) “ตั้งเป้าเซ็นงานใหม่ปีนี้ 100,000 ลบ.”

ตั้งเป้าเซ็นสัญญาปีนี้ 100,000 ลบ.

นับตั้งแต่ต้นปี CK เซ็นสัญญางานใหม่อย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงเข้ามาแล้ว 18,149 ลบ. และมีงานรอเซ็นสัญญาอีก 1 โครงการ คือ อุโมงระบายน้ำ บางบาน-บางไทร สัญญา 4 มูลค่า 3,200 ลบ. รวมแล้วกว่า 21,000 ลบ. และทำให้ Backlog ณ สิ้น 1Q22 อยู่ที่ 64,000 ลบ. (รวมงานรอเซ็นแล้ว) โดย CK ตั้งเป้าว่าในปี 22 นี้จะมีงานใหม่เข้ามาได้ 100,000 ลบ. ซึ่งโครงการสำคัญที่จะได้มา ได้แก่ งานเขื่อนหลวงพระบางมูลค่าประมาณ 70,000 ลบ. คาดว่าจะเป็นสัญญาได้ในช่วง 2H22 นี้ ขณะที่โครงการอื่นๆ คือรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางมูลค่า รวมกว่า 145,000 ลบ. (รอเสนอครม.) รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 เส้นทางมูลค่า 22,000 ลบ. (รฟท. เตรียมทำ TOR เพื่อเปิดประมูล) โครงการอุโมงระบายน้ำบางบาน-บางไทร อีก 2-3 สัญญามูลค่ารวม 5,000 ลบ. และงานกทม.มีโครงการที่น่าสนใจ คือ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาตรงเกียกกาย มูลค่า 1,100 ลบ. งานอุโมงระบายน้ำคลองพระยาราชมนตรี 6,000 ลบ. และงานส่วนต่อขยายอุโมงระบายน้ำบางซื่อมูลค่า 1,700 ลบ. เป็นต้น สำหรับ รถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตกที่เป็นโครงการขนาดใหญ่อีกโครงการมูลค่ากว่า 140,000 ลบ. เตรียมขายเอกสารประกวดราคาในวันที่ 27/5-10/6 ยื่นซองประกวดราคา 27 ก.ค. และทราบผลในช่วงเดือน ต.ค. โดยทาง CK ยังพิจารณาว่าจะเข้าประมูลพร้อมกับ BEM หรือรอเซ็นรับงานต่อ ทั้งนี้การแข่งขันคาดว่าจะรุนแรงมากขึ้น หลังเงื่อนไขการเข้าประมูลเปิดให้ใช้ประสบการณ์เดินรถในต่างประเทศมายื่นประมูลได้จากเดิมที่ใช้งานการเดินรถในประเทศเพียงอย่างเดียว

1Q22 ได้งานหลวงพระบางทำให้มีกำไร

CK มีกำไรสุทธิ 121 ลบ. (-42%YoY, -339%QoQ) ดีกว่าที่เราคาดว่าจะขาดทุน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้จากงานเขื่อนหลวงพระบางเข้ามากว่า 3,500 ลบ. โดยเป็นการรับรู้เพียงครั้งเดียว หลังจากนี้จะทยอยรับรู้ต่อเมื่อมีการเซ็นสัญญางานก่อสร้างเข้ามา จากการรับรู้ดังกล่าวทำให้รายได้อยู่ที่ 7,039 ลบ. (+140%YoY, +98%QoQ) กำไรขั้นที่ 8.4% ได้เพิ่มจาก 8.3% ใน 1Q21 และ 7.2% ใน 4Q21 ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 469 ลบ. (-1%YoY, -6%QoQ) รายการอื่นๆ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 84 ลบ.(-48% YoY, -56%QoQ) ลดลง เพราะมีการหักรายการระหว่างกันของโครงการหลวงพระบางใน CKP

ปรับรายได้เพิ่มหลังรวมหลวงพระบาง

เราปรับประมาณการโดยเพิ่มรายได้ 31% เป็น 16,709 ลบ. (+37%YoY) หลังรายจากหลวงพระบางเข้ามาในช่วง 1Q22 แต่กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2% มาอยู่ที่ 786 ลบ. เนื่องจากปรับลดส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลงหลัง CKP มีผลประกอบการไม่ดีนักในช่วง 1Q22 ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการงวด 2Q22 ในส่วนของรายได้คาดว่าจะปรับตัวลดลงจาก 1Q22 หลังไม่มีรายได้จากหลวงพระบางเข้ามาแล้ว แต่จะได้รับเงินปันผลจาก TTW เข้ามาแทน สำหรับคำแนะนำการลงทุนด้วยฐาน Backlog ที่อยู่สูง และมีโอกาสเพิ่มงานในมือได้อีกมากจากการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐ เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ที่ 26.40 บาท (1.7X PBV’22E)

- Advertisement -