ตลาดหุ้นวานนี้

SET ปิดบวก 10 จุด มูลค่าการซื้อขาย หนาแน่น 9.7 หมื่นล้านบาทจากผลของ MSCI Rebalance มีผลโดยใช้ราคาปิดวานนี้ หุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นปรับขึ้นเด่นและเป็นกลุ่มนำตลาดรับข่าว EU แบนการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียจำนวน 2 ใน 3 ของการนำเข้าทั้งหมด นำขึ้นโดย PTTEP+2.4%, TOP+2.7%, ESSO+4%

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

ประเมิน SET แกว่งตัว 1,655 – 1,675 จุด แม้ภาวะตลาดจะได้แรงหนุน Fund flow ต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเป็นแรงกดดันหลังนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการ FED สนับสนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทุกเดือนจนกว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจะเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและทิศทางตลาด

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • GPSC BGRIM SCGP EPG sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง
  • AOT MINT CENTEL ERW BDMS BH BEM BTS CPALL CPN CRC AMATA  อานิสงส์การเปิดประเทศ
  • MFEC VCOM SECURE HUMAN INSET ITEL TKC BE8 BBIK อานิสงส์พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • VNG (ปิด 8.5 ซื้อ/เป้า 10.60) ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นไม้ MDF และปาร์ติเกิล (PB) ซึ่งได้ผลบวกโดยตรงจากการคว่ำบาตรรัสเซียเพราะรัสเซียเป็นผู้ส่งออก PB และ OSB เบอร์ 2 ของโลก อีกทั้งตลาดส่วออกหลักอยู่ในตะวันออกกลางจึงได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
  • HMPRO (ปิด 14.9 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 17.5) เป็นหุ้นธีมเปิดเมืองและกลุ่มค้าปลีกที่ราคายัง Laggard ที่สุด โดย YTD ราคาหุ้น HMPRO ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงขณะที่หุ้นในกลุ่มเปิดเมืองและค้าปลีกปรับขึ้นเฉลี่ย 10% HMPRO มีสัดส่วนรายได้จากเมืองหลักและท่องเที่ยวคิดเป็น 70%ของรายได้รวม

บทวิเคราะห์วันนี้

AH, VNG, Thailand Strategy

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) ดาวโจนส์พักตัว หลังคณะกรรมการเฟดบางรายออกมาหนุนให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลง 223 จุด (-0.67%) ปิดที่ระดับ 32,990 จุด นักลงทุนชะลการลงทุนหลังนาย ปธน. โจ ไบเดน เรียกนายเจอ โรมพาวเวลเข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับทิศทาง ศก. และเงินเฟ้ออีกทั้งยังถูกกดดันหลังจาก นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทุกเดือนจนกว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง
  • (-) เงินเฟ้อยูโรโซนเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์กดดัน ECB ขึ้นดอกเบี้ย: ล่าสุด EU รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.1% จาก 7.4% ในเดือน เม.ย. และมากกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 7.7% นับเป็นตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ปัจจัยนี้มีโอกาสสูงที่ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและยุติโครงการ QE ในการประชุมครั้งถัดไป (9-10 มิ.ย.2022)
  • (+/-) จับตา OPEC+ อาจตัดรัสเซียออกและเตรียมเพิ่มปริมาณการผลิตสูงขึ้นเพื่อทดแทนรัสเซีย: ข่าวนี้สร้างความผันผวนให้กับตลาดน้ำมันทันทีเพราะในช่วงแรกของการซื้อขายราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นราว 3% รับข่าว EU คว่ำบาตรน้ำมันดิบจากรัสเซียจำนวน 2 ใน 3 ของทั้งหมด แต่ข่าวที่ OPEC+ อาจจะระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซีย เพื่อเปิดทางให้ซาอุฯ และชาติสมาชิกเพิ่มปริมาณการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบลดลงและพลิกปิดลบ 40 เซนต์ (-0.4%) ปิดที่ 115$/bbl
- Advertisement -