บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Sappe (SAPPE.BK/SAPPE TB) โตได้ดีด้วยตลาดส่งออก
Event
อัพเดตแนวโน้มของบริษัท
Impact
ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดส่งออกได้หลายประเทศ
SAPPE ได้ประโยชน์จากการส่งออกกำลังฟื้นตัว โดยอัตราการเติบโตหลายประเทศโตในอัตราเร่งตัวขึ้น โดยตลาดเกาหลี ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียได้กลับมาโตแบบมั่นคงมากขึ้น และสร้างรายได้แบบสม่ำเสมอ หลังจากที่บริษัทสามารถสร้างการบริโภคติดตลาด และเกิดการบริโภคที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ฝรั่งเศส และ EU กลายมาเป็นตลาดใหม่จะขับเคลื่อนการเติบโต จากการที่บริษัทสามารถสร้างสถานะทางการตลาดที่มั่นคงจากการสร้างแบรนด์ โดยใช้สื่อการตลาดใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการใช้ influencer ในขณะที่ยอดขายในตลาดตะวันออกกลางยังเพิ่มขึ้นอย่างมากตามการบริโภคที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งทำให้ SAPPE สามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ได้ในหลายๆ ตลาดส่งออกได้ดีขึ้น ทั้งนี้ตลาดส่งออก (75% ของรายได้) เพิ่มขึ้นถึง 69% YoY ใน 1Q65 (จาก +27% ในปี 2564)
มาร์จิ้นมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น
อัตราการใช้กำลังการผลิต (CAPU) ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นจาก 72% ในปี 2564 เป็น 77%/>80% ในปี 2565F/2566F และการล็อกราคาวัตถุดิบหลักของบรรจุภัณฑ์จะทำให้บริษัทรักษาแนวโน้มมาร์จิ้น หรือมีโอกาสเพิ่มขึ้นหากราคา ทั้งนี้ แม้ว่าราคาของวัตถุดิบหลักจะแพงขึ้น แต่ GPM ใน 1Q65 ยังเพิ่มขึ้นเป็น 41.2% (จาก 39.3% ในปี 2564 และ 36.7% ในปี 2563) ตาม CAPU ที่เพิ่มขึ้นเป็น 75% ใน 1Q65 (จาก 72% ในปี 2564) ซึ่งจากการวิเคราะห์ sensitivity เราพบว่า GPM ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1% จะทำให้กำไร เพิ่มขึ้น 6%
ผลประกอบการมีแนวโน้มแข็งแกร่งในระยะสั้นจากปัจจัยฤดูกาล
หลังจากที่ SAPPE สามารถสร้างสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งได้ในประเทศเกาหลี ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียได้จากการสร้างแบรนด์มาหลายปี ในขณะที่ปริมาณยอดขายในตลาดใหม่อย่าง EU และตะวันออกกลางเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาตั้งแต่กลางปี 2564 จะช่วยหนุนให้กำไรในระยะสั้นเติบโตได้ใน 2Q-3Q65 ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทตั้งเป้า CAPU เต็มปี 2565 ไว้ที่ 77% (คาดว่าจะสูงตามฤดูกาลที่ประมาณ 80% ใน 2Q65-3Q65) เราคาดว่ากำไรน่าจะโตได้ประมาณ 30% YoY ใน 2Q65F
แนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 43.50 บาท (PE ที่ 24.5x)
เรามองว่าสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นจากการสร้างแบรนด์ของตัวเองในตลาดต่างประเทศ ทำให้ธุรกิจของ SAPPE มั่นคงมากขึ้น และจะหนุนให้การประเมินมูลค่าหุ้นขยับออกจากกรอบเดิมในอดีตที่ประมาณ 21x เราคาดว่าการส่งออกที่คาดว่าจะโตถึง +29%/+20%/+20% ในปี 2565/2566/2567 ในขณะที่รายได้จากธุรกิจในประเทศที่จะโต +5%/+10%/+10% จะหนุนให้รายได้รวมของบริษัทโตได้ +20%/+17%+17% ในขณะเดียวกัน เราใช้สมมติฐานว่า GPM จะทรงตัวอยู่ที่ 40% (จาก 39.2% ในปี 2564 และ 41% ใน 1Q65) และใช้สมมติฐานสัดส่วน SG&A/รายได้ที่ปีละ 34.5% ในอีกสามปีข้างหน้า
Risks
ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน, ความผันผวนยอดขาย, แรงกดดันทางด้าน margin.