Daily Focus: Value and Laggard Play

2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงระหว่างวันหลุด 1,640 จุด หลังตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. ออกมาสูงกว่าคาด อย่างไรก็ตาม มีแรงซื้อกลับ หนุนให้ดัชนีฟื้นตัวขึ้นมาปิดลบเพียงเล็กน้อย 1.59 จุด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 330 ลบ.และ 1.2 พันลบ. ดามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures เร่ง ขึ้นเป็น 1.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,640-1,655 จุด โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ระยะสั้นตลาดเผชิญแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อกดเงินเฟ้อให้ต่ำลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ออกมาแข็งแรง ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯ พุ่งขึ้นอีกครั้ง ซึ่งกดดันตลาดหุ้น เม็ดเงินไหลเข้าถือดอลลาร์ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานไทยแม้จะสูงกว่าคาด แต่ยังไม่ถึงขั้นน่ากังวล จึงคาด กนง.ยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย โดยคาดว่าอาจพิจารณาปรับขึ้นในช่วงปลาย 3Q22 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ยังทรงตัวสูงยังเป็นปัจจัยกดดันต้นทุนของภาคการผลิต กระทบกำลังซื้อผู้บริโภค และอาจทำให้ประมาณการ EPS และ SET Target มี Downside เรายังแนะนำทยอยลดพอร์ตบางส่วนระยะสั้นช่วงตลาดปรับขึ้นหาระดับ 1,660-1,680+- จุด หลังจากสะสมไปแล้วบริเวณ 1,600+- จุด จาก Valuation ของตลาดฯ ที่ค่อนข้างตึงตัว และยังคงเน้นลงทุนในหุ้น Value Play ที่มี PER/PBV ไม่สูง เทียบกับช่วงปี 2019 ก่อนมี COVID-19 และยัง Laggard ตลาด

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Laggard Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD

หุ้นเด่นวันนี้ : SAPPE

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท
  • คาดกำไร 2Q22-3Q22 จะปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ จากตลาดส่งออกที่โตดีมาก ทั้ง เอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง ล่าสุด US กลับมาฟื้น Q-Q หลังคำสั่งซื้อถูกเลื่อนมา และยังได้ผลบวกจากบาทอ่อน
  • ต้นทุนพลาสติกยังทรงตัวเท่า 1Q22 เพราะสต็อกไว้ แม้ราคาพลาสติกปรับขึ้น 3Q22 แต่อยู่ระหว่างปรับให้กระทบต้นทุนน้อยที่สุด คาดเห็นสินค้าใหม่หลายตัวใน 3Q22
  • คาดกําไรปี 2022 +25% Y-Y หากกำไร 2Q22 ทำได้ดีกว่าคาดจะเป็น Upside ต่อประมาณการ และราคาเป้าหมาย ปัจจุบันเทรด PE เพียง 20 เท่า
  • แนวรับ 33 บาท แนวต้าน 36-36.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$114 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$104 ล้าน  ส่วนอาเซียนผสมผสาน โดยไหลออกจากไทย US$35 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$27 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก หลัง Bond Yield สหรัฐฯปรับตัวพุ่งขึ้น กดดันตลาดหุ้นจากกระแสคาดการณ์ FED ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่งผลให้ Dollar Index แข็งค่า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) เงินเฟ้อไทย เดือน พ.ค. สูงกว่าคาด โดยเงินเฟ้อทั่วไป +7.1% Y-Y สูงกว่าตลาดคาดที่ +5.8% Y-Y หลักๆมาจากราคาพลังงานและอาหารที่สูงขึ้น และมาตรการลดค่าไฟที่สิ้นสุด ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน +2.3% สูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ +2.2 Y-Y แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. คาดว่ายังปรับตัวสูงขึ้นตามราคาสินค้าที่สูงตามต้นทุนการผลิตที่เร่ง ตัวและฐานที่ต่ำปีก่อน ปัจจัยดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันต่อ กนง.มากขึ้นในแง่การปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่จากเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังไม่ได้สูงมาก เราจึงคาดว่าการประชุมกนง.วันพรุ่งนี้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% แต่หากเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.-ก.ค. ยังเร่งตัวอย่างน่ากังวล จะเพิ่มโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 10 ส.ค.

(+) AOT คาดผลการดำเนินงาน 3QFY22 จะขาดทุนลดลงอย่างมีนัยยะ ตามปริมาณเที่ยวบินและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะผู้โดยสารในประเทศเดือน พ.ค. ที่แตะ 72% เทียบกับช่วงก่อน COVID-19 ส่วนต่างชาติปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดแตะ 3 หมื่นรายต่อวัน (เดือนละราว 1 ล้านคน) ภายในสิ้นปีนี้ เราคาดว่ามีโอกาสที่ผลประกอบการของจะเท่าทุนใน 1QFY23 เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวได้ 40-50% เทียบกับก่อน COVID-19 และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่สิ้นสุดลง เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 85 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) SFLEX ใกล้ปิดดีลเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษคุณภาพสูง สินค้าไม่ซ้ำกับ SFLEX แต่มีฐานลูกค้าส่วนหนึ่งซ้ำกัน จึงมี synergy ในการเข้าลงทุน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องราคาและสัดส่วนในการเข้าลงทุนพร้อมพันธมิตร คาดเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ตั้งแต่ 3Q22 กำไรของบริษัทดังกล่าวในปีนี้ถูกกระทบจากต้นทุนกระดาษที่สูง เพราะ Supply disruption แต่คาดว่าจะกลับสู่ปกติในปี 2023 หาก SFLEX เข้าลงทุนในสัดส่วน 30-49% จะมีผลต่อกำาไรปี 2022 ราว 17-25% เพิ่มราคาเป้าหมายปัจจุบันที่ให้ไว้ 4.80 บาท อีกประมาณ 0.80-1.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 16.08 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 32,915.78 จุด จากข่าวจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในกรุงปักกิ่ง โดยอนุญาตให้ประชาชนสามารถรับประทานอาหารที่ร้าน (ยกเว้นเขตเฟิงไท่และบางพื้นที่ในเขตฉางผิง) และยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางในพื้นที่ส่วนใหญ่

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันนี้

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 34.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 118.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วัน ทั้งในเดือนก.ค.และส.ค. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วัน

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 1,843.7 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับขึ้น

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,063.06 / -2.98

- Advertisement -