บล.พาย:
PRM บมจ. พริมา มารีน “ภาพการเติบโตของกำไรยังซบเซา”
คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 6.30 บาท เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของกำไรที่จำกัดในช่วง 2-3 ปีหน้า เพราะขาดแผนการขยายกองเรือที่ชัดเจน เนื่องจากตลาดมีภาพรวมที่อ่อนแอ โดยเฉพาะธุรกิจเรือจัดเก็บน้ำมันแบบลอยน้ำ (FSU) ส่วนการเข้าซื้อทรูธ มารีไทม์ (TM) (อดีตไทยออยล์มารีน) ที่หันไปเน้นธุรกิจเทรดดิ้งระหว่างประเทศ ด้วยการเพิ่มเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) ลำใหม่เข้ามา 3 ลำ ไม่น่าเพียงพอต่อการชดเชยผลกระทบจากอุปสงค์ขาลงของการเก็บน้ำมันแบบลอยน้ำ (40% ของรายได้รวมในปี 2021)
แผนการขยายกิจการใน 2H22 ยังคงเดิม
- เรือ VLCC ลำที่สองของ TM จะได้รับการเช่าในวันที่ 6 มิ.ย. 2022 มี ขนาด 280,000 DWT ภายใต้สัญญา 10 ปีกับบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) (“ซื้อ” เป้าหมาย 71.0 บาท) ประเมินว่าจะสร้างรายได้เพิ่มเติม 25-30 ล้านบาท/ไตรมาสหรือ 2% ของรายได้รวมใน 3Q22 ขณะที่คาดว่าลำที่ 3 จะเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ภายใน 4Q22
- รายได้รวมจากเรือ VLCCS 3 ลำ และเรือโดยสารพนักงานแท่นขุดเจาะ 13 ลำจะไม่เพียงพอต่อการชดเชยผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดอุปสงค์ FSU ลง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เทรดน้ำมัน แต่คาดว่าอุปสงค์ FSU สำหรับกลุ่มผสมน้ำมันจะยังอยู่ในระดับที่ดี ด้วยแรงหนุนจากส่วนต่างราคาน้ำมันเตากำมะถันต่ำ (LSFO) และน้ำมันเตากำมะถันหนัก (HSFO) ที่ยังอยู่สูงอยู่
คาดกําไร 2Q22 โต QoQ แต่ลดลง YoY
คาดกำไรโต QoQ ใน 2Q22 หนุนจาก 1) การรับรู้รายได้จากเรือ VLCCs 2 ลำ (ลำแรกเข้าอู่เรือแห้ง 2 เดือนใน 1Q22) และ 2) ธุรกิจเทรดดิ้งในประเทศที่ยังโตตามรายได้ที่แตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์ในระดับ 715 ล้านบาท (49% ของรายได้รวมใน 2Q21) หนุนจากอุปสงค์การบริโภคน้ำมันที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งในภาคใต้ของไทย แต่คาดกำไรหดตัวลง YoY จากธุรกิจ FSU ที่มีภาพรวมใน 1-21 แข็งแกร่งกว่าทั้งปี 2022
“ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 6.30 บาท
คงคำแนะนำ “ถือ” แต่ลดมูลค่าพื้นฐานลงเป็น 6.30 บาท จาก 6.60 บาท หลังจากปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ลง 4% ในปี 2022 มูลค่าพื้นฐานนี้ถึง 17.0x PE’22E หรือที่ค่าเฉลี่ยกลุ่มขนส่งเอเชียที่ไม่รวมญี่ปุ่น ด้านปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่งแต่มีโอกาสในการเติบโตที่จํากัด