บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

Thailand Retail (POSITIVE) SSSG มีโมเมนตัมเชิงบวก

คงมุมมองบวก ต่อกลุ่มค้าปลีก

จากการอัพเดทกลุ่มค้าปลีก SSSG ในเดือน เม.ย. และ พ.ค. เป็นบวกทุกบริษัท ซึ่งเป็นโมเมนตัมเชิงบวกต่อมาจาก 1Q65 จากการเปิดเมือง โดยบริษัทค้าปลีกกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Staples) มี SSSG แข็งแกร่งกว่ากลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน เนื่องจากมีฐานที่ต่ำกว่า ทั้งนี้ SSSG ที่เพิ่มขึ้นจะสนับสนุนให้กำไร 2Q65 เติบโตต่อเนื่อง เรายังมองว่าแนวโน้ม SSSG จะสดใสต่อไปในช่วงที่เหลือของปีจากการที่โควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่น และจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มค้าปลีก โดยเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่น (ราคาเป้าหมาย 79 บาท) จากการฟื้นตัวอย่างโดดเด่นของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ

กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคโตแกร่งกว่ากลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน

SSSG ในเดือน เม.ย. และ พ.ค. ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ 7-Eleven, BigC และ MAKRO มี SSSG 12-13%, 8-9% และ 5-6% ตามลำดับ เป็นผลมาจากการเปิดประเทศ เทศกาลสงกรานต์ โรงเรียนเปิดเทอม การเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น และการเพิ่มขึ้นของต้นทุน ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ SSSG ของกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ซึ่งรวมถึง HMPRO, GLOBAL และ DOHOME ชะลอตัวลง โดยอยู่ที่ 11-13%, 1-3% และ 0-1% ตามลำดับ เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อน ราคาเหล็กลดลง และฝนตกมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการก่อสร้าง

อัตรากำไรขั้นต้นมีทั้งบริษัทที่เพิ่มขึ้นและลดลง

ในแง่ของความสามารถในการทำกำไร เราคาดว่า BigC จะมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จากการเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และการปรับปรุงสาขา ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO มีแนวโน้มที่จะขยายตัวจากการเน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงเช่นกัน และประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น ส่วน 7-Eleven คาดว่ามีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของการขายสินค้าแพคใหญ่ (อัตรากำไร) และอาหารราคาประหยัด (อิ่มคุ้ม) อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นจะยังคงเพิ่มขึ้นจากที่ยอดขายเติบโตดี เราคาดว่า GLOBAL และ DOHOME มีอัตรากำไรขั้นต้นหดตัวจากฐานที่สูงและราคาเหล็กที่ปรับตัวลดลง

คาดกำไร 2Q65 ของกลุ่มค้าปลีกเติบโตดีขึ้น

เราคาดว่ากำไรของบริษัทค้าปลีกกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จาก SSSG และความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ( ยกเว้น HMPRO) คาดว่าจะมีกำไรชะลอลงจากฐานที่สูง โดยเราประเมินว่า CPALL มีแนวโน้มที่เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม เป็นผลจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อฟื้นตัวได้อย่าง แข็งแกร่งจากปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศ ประกอบกับรับรู้รายได้เพิ่มเติมจาก MAKRO ที่มีจากการควบรวมกิจการของโลตัส

- Advertisement -