Daily Focus: Value and Laggard Play
2022 SET Target: 1770
ดลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้ระยะสั้นตามคาดปิดลบ 4.97 จุด ณ สิ้นวัน แต่โดยรวม Upside ยังจำกัด ตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ขณะที่กนง.คงอัตราดอกเบี้ยตามคาด สถาบันในประเทศพลิกกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 206 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 1.4 พันลบ. (และ Short Index Futures อีกเล็กน้อย 2.4 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down โดยมีแนวรับหลักที่ 1,630 จุด บรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังคงค่อนไปในทางลบจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ รวมถึงราคาน้ำมันดิบ WTI ล่าสุดที่ทะลุ US$120 ต่อบาร์เรลเป็นปัจจัยกดดันเงินเฟ้อและกำลังซื้อต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางใหญ่อย่าง ECB จะประชุมวันนี้ คาดส่งสัญญาณเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. ส่วน FED ประชุม สัปดาห์หน้าคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5% ขณะที่การประชุมกนง.เสียงแตก เพิ่มโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ส.ค. มากขึ้น ส่งผลให้ Bond Yield ขยับขึ้นต่อเนื่อง และกดดันสินทรัพย์เสี่ยง เรายังแนะนําทยอยลดพอร์ดบางส่วนระยะสั้นช่วงตลาดปรับขึ้นหาระดับ 1,660-1,680+- จุด จาก Valuation ของตลาดฯ ที่ค่อนข้างดึงตัว และประมาณการ EPS และ SET Target ปัจจุบันที่ 1,770 จุด มี Downside และอยู่ระหว่างทบทวนระยะนี้ ยังคงเน้นลงทุนในหุ้น Value Play ที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 สินค้าบริการจําเป็น ที่มี PER/PBV ต่ำกว่าช่วงปี 2019 ก่อนมี COVID-19
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Laggard Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD
หุ้นเด่นวันนี้ : KSL
- แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท
- จะประกาศงบ 2Q22 (งวดเดือน ก.พ.-เม.ย) วันพรุ่งนี้ เราคาดจะออกมาดีโดทั้ง Q-Q และ Y-Y ตามฤดูกาล เป็นช่วงพีคของการหีบอ้อย และเริ่มรับรู้การขายส่งออกน้ำตาลล็อตใหม่ที่ราคาสูงขึ้น
- คาดกําไรปี 2022 กลับมาโตแรง +92% Y-Y แตะระดับ 1 พันลบ.ครั้งแรกในรอบ 5 ปี คงเป้า 4.7 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบุ๊คเพียง 0.9 เท่า ช่วยจํากัด Downside
- แนวรับ 4.10-4 บาท แนวต้าน 4.36-4.40 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคบางๆ US$49 ล้าน แต่ยังกระจัดกระจาย เม็ดเงินไหลเข้าไต้หวัน US$118 ล้านแต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$78 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลเข้าอินโดนีเซียแด่ไหลออกจากไทยปริมาณใกล้เคียงกันที่ US$39 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังเบาบาง และรอจับดาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯคืนวันศุกร์
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) การประชุมกนง.เสียงแตก แม้ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตามคาด แต่ด้วยมติ 4:3 เสียง ซึ่งกรรมการบางท่านระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมีความชัดเจนเพียงพอ ทําให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าเดือน ส.ค. อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ตอบรับเชิงลบเนื่องจากมีการปรับเพิ่ม ประมาณการ GDP ปีนี้ขึ้นจาก +3.2% Y-Y เป็น +3.3% Y-Y โดยปรับการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขึ้น เรามองเป็นบวกต่อ Domestic และ Value Play โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าและบริการจำเป็น ซึ่งคาดถูกกระทบจำกัดจากกำลังซื้อและเงินเฟ้อ
(+) ปลดล็อคกัญชาวันนี้ ออกจากสารเสพติดให้โทษในส่วนของกฎหมายใหญ่ ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้และสามารถใช้กัญชาได้ทุกส่วนยกเว้นส่วนที่มีค่า THC เกิน 0.2% เรามองบวกต่อผู้บริโภค และอาจเพิ่มโอกาสในการส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศมากขึ้นในระยะถัดไป สำหรับบริษัทในตลาดฯ เรามองเป็นกลางจากกระแสการใช้ กัญชงที่ไม่ตื่นเต้นอย่างที่เคยคาด ผู้ผลิตสินค้าลังเลในการออกสินค้าใหม่ เรามองว่าจะเกิดได้ในแง่ทางการแพทย์และสันทนาการเป็นหลัก ความเสี่ยงคือ เริ่มเห็นข่าวที่ระบุว่าอาจให้นำเข้าส่วนประกอบหรือสารสกัดกัญชาได้ เป็นความเสี่ยงต่อผู้ประกอบการต้นน้ำ และกลางน้ำ แนะนำ “เก็งกำไรอย่างระมัดระวัง” เน้นคนที่มีศักยภาพและควรมีธุรกิจเดิมที่เป็นทุนเดิม เช่น RBF GUNKUL OSP ICHI SAPPE TACC SNNP MEGA IP RS
(+) กลุ่มเนื้อสัตว์ ยังมีปัจจัยบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาไก่ ล่าสุดสมาคมผู้เลี้ยงไก่ เตรียมปรับขึ้นราคาอีก 1 บาท เป็น 45 บาท/กก. จะเป็นจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 8 ปี ส่วนหมูยังยืนเหนือ 100 บาท/กก. ยังสูงกว่าต้นทุนการเลี้ยง แม้ราคาอาหารสัตว์ยังทรงสูง แต่ราคาเนื้อสัตว์ปรับขึ้นได้ดีกว่า และยังได้อานิสงส์บวกจากบาทอ่อนค่าอีก เรายังชอบ ทั้ง GFPT (ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท) TFG (ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท) และ CPF (ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 28 บาท)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 269.24 จุด หรือ 0.81% ปิดที่ 32,910.90 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับขึ้นเป็น 3.016%
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงกดดันจากการปรับลงแรงของ Credit Suisse
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามจีนรายงานยอดนำเข้า, ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ค. รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 34.53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 122.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 800,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล รวมถึงหนุนด้วยจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 4.4 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,856.5 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,065.39 / +2.33