บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY

TP upside (downside) 31.8%

Close Jun 8, 2022 Price (THB) 10.70

12M Target (THB) 14.10

Previous Target (THB) 14.10

What’s new?

  • คาดยอด Presale ในเดือน เม.ย. – พ.ค. 65 ที่ ราว 7.0 พันลบ. เติบโตเด่น YoY ขณะที่แนวโน้ม Presale แนวสูง 2Q65 คาดทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ระดับ 7.0 พันลบ. เป็นอย่างน้อย
  • แนวโน้มผลประกอบการปกติ 2Q65 คาดกลับมาเติบโตเด่น QoQ และมีโอกาสเติบโตขึ้น YoY จากการเริ่มโอนโครงการ JV ขนาดใหญ่ คือ Park Origin Thonglor มูลค่ากว่า 1.2 หมื่นลบ.
  • ORI ประกาศแผนการนำบริษัท Primo เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากเกิดขึ้นจะเป็นการปลดล็อกมูลค่าสินทรัพย์ที่สำคัญ

Our view

  • เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้ม Presale แนวสูงที่คาดฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป หนุน จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ
  • คาดผลประกอบการ 1Q65 เป็นจุดต่ำสุดของปี และจะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2Q65 ขณะที่ช่วง 3Q-4Q65 จะเป็นจุดสูงสุดของปีในระดับที่ใกล้เคียงกัน
  • Upside risk สำคัญที่ยังไม่รวมในประมาณการ คือ การเข้าลงทุนในหลายธุรกิจใหม่ รวมถึงแผนการ Spin-off บริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ORIGIN PROPERTY ถึงเวลา Demand แนวสูงฟื้นตัว

คาด Presale แนวสูงฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ… COVID-19 ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป

เราคาด Presale QTD ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. จะอยู่ที่ราว 7.0 พันลบ. แบ่งออกเป็นแนวราบ 1.5 พันลบ. เติบโตเด่น YoY และคิดเป็นกว่า 73% เมื่อเทียบกับช่วง 2Q64 และคาดจะเร่งตัวเพิ่มขึ้นในเดือน มิ.ย. หลังการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ คือ Britania Amata-Phanthong มูลค่า 2.0 พันลบ. ขณะที่ Presale โครงการแนวสูงคาดที่ 5.5 พันลบ. (แบ่งเป็นโครงการระหว่างการก่อสร้างและสินค้าประเภท Ready-to-move ที่ 60:40 ตามลำดับ) เติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยใน 1Q65 ที่มียอดขายราว 1.9 พันลบ. ต่อเดือน ทั้งนี้ ยอดขายแนวสูง QTD ที่ระดับ 5.5 พันลบ. เป็นผลให้เราคาด Presale แนวสูงทั้งไตรมาส 2Q65 จะทำระดับได้เหนือ 7.0 พันลบ. เติบโตอย่างน้อย 20% QoQ และ 16% YoY และจะเป็นจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี หนุนจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนกลับเข้าสู่สภาวะปกติ จากสถานการณ์ปัจจุบัน COVID-19 ที่มีความเบาบางลงอย่างมาก นอกจากนี้ เราคาดยอดขายโครงการแนวสูง QTD จะประกอบไปด้วยสัดส่วนลูกค้าต่างชาติที่น้อยกว่า 5% กล่าวคือ การเปิดประเทศเต็มรูปแบบในช่วงที่เหลือของปีคาดจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของ Presale ตั้งแต่ 3Q5 เป็นต้นไป

ผลประกอบการปกติจะกลับมาโดดเด่นตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป

เราคาดกำไรปกติ 2Q65 เบื้องต้นที่ระดับ 550-650 ลบ. เติบโตเด่น QoQ และมีโอกาสเติบโตขึ้น YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 609 ลบ. เป็นผลมาจากการเริ่มโอนโครงการแนวสูง JV ขนาดใหญ่ คือ โครงการ Park Origin Thonglor (มูลค่า 1.2 หมื่นลบ. ณ สิ้นปี 2564 มียอดขายแล้ว 75%) ซึ่งบริษัทตั้งเป้าโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 2 พันลบ. จากโครงการนี้ คาดส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรร่วมค้าพลิกกลับมาเป็นบวกที่ระดับ 50-100 ลบ. หลังติดลบมาต่อเนื่องในช่วง 3 ไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ บริษัทยังมีการโอนโครงการของบริษัทต่อเนื่องจากช่วง 1Q65 คือ THE ORIGIN Ram 209 Interchange (มูลค่า 2.1 พันลบ. มียอดขายแล้ว 80%) ประกอบกับแนวโน้มยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์แนวราบจาก BRI ที่คาดเป็น New high ใน 2Q65 จะเป็นปัจจัยสำคัญหนุนผลประกอบการให้เติบโตขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ในช่วง 3Q-4065 ตามลำดับ

สำหรับธุรกิจเช่าและบริการเราคาดรายได้จะกลับมาเติบโตได้อย่างโดดเด่นทั้ง QoQ และ YoY ตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป หนุนจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมในเครือ One Origin ได้แก่ Holiday Inn & Suites ศรีราชา และ Staybridge Suites ทองหล่อ รวมถึงโรงแรมในเครือ IBIS 3 แห่ง ที่ซื้อจาก ERW เริ่มเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวที่ชัดเจน นอกจากนี้ เราคาดบริษัทยังมีรายได้ที่จะเริ่มรับรู้ใน 2H65 ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ คือ การเข้าลงทุนในธุรกิจคลังสินค้ากับ JWD (Alpha Industrial Solution) บนพื้นที่เช่า 2.0 หมื่น ตร.ม. (คาดเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนภายใน 4Q65) รวมถึงการเข้าลงทุนในบริษัท Thai leaf ซึ่งจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ในช่วงปลาย 2Q65 ซึ่งคาดจะเห็นความชัดเจนของแผนธุรกิจมากขึ้นใน 3Q65

วางแผน Spin-off บริษัท Primo เข้าคิวยืนไฟล์ลิ่งใน 3Q65 ตั้งเป้าเทรดใน 4Q65

ในช่วงปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ORI ประกาศแผนการนำบริษัท Primo Service Solution (OR) ถือหุ้น 100%) ประกอบธุรกิจบริการที่พักอาศัยครบวงจร ตั้งแต่ (1) ก่อนอยู่อาศัย คือ ให้คำปรึกษาและก่อสร้าง (2) ระหว่างอยู่อาศัยคือตกแต่งภายใน ทำความสะอาด จัดการทรัพย์สิน และ (3) Aftersales Service บริหาร โรงแรมและดูแลการปล่อยเช่าหลังการขาย โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2565 22% เป็น 600 ลบ. และจะแตะระดับสูงกว่า 1.0 พันลบ. ภายในปี 2567-68 บนอัตรากำไรสุทธิที่ 23-28% ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายื่นเอกสารกับทาง กลต. ในช่วง 3Q65 และเข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ภายในสิ้นปี 2565 ถึง IPO Value ประเมินที่ระดับ 6.0 พันลบ. หากเกิดขึ้นคาดจะเป็นการ Unlock มูลค่าสินทรัพย์ที่สำคัญ และจะส่งผลให้บริษัทแม่คือ ORI มีโอกาสถูก Re-rate PER ขึ้นไปซื้อขายเป็น Premium ของกลุ่มในลำดับถัดไป

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.10 บาท/หุ้น

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.10 บาท/หุ้น (อิง PER2565 เท่าเดิมที่ 9.7x) และเลือกให้เป็น “Top pick” ของกลุ่มอสังหาฯ จากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และ Momentum ของอุปสงค์ที่เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน รวมถึงแผนการ Spin-off บริษัทลูกต่างๆ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็น Upside risk สำคัญต่อราคาหุ้นในระยะกลาง-ยาวที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ

 

- Advertisement -