บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING

TP upside (downside) 8%

Close Jun 8, 2022 Price (THB) 15.50

12M Target (THB) 16.70

Previous Target (THB) 17.80

What’s new?

  • IRC รายงานกำไร 2Q65 ดีขึ้น 136%QoQ ตามยอดขายที่ฟื้นตัว แต่ชะลอตัว 51%YoY หลักๆ จากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
  • แนวโน้มใน 2H65 คาดยังถูกกดดันจากราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
  • เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2565 และ 2566 ลดลง 32% และ 27% สะท้อนแนวโน้มต้นทุนที่สูงกว่าคาด  และปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาขาดแคลนชิพที่ยืดเยื้อ

Our view

  • เราคงคำแนะนำ “เก็งกำไร” แนวโน้มผลประกอบการปีนี้ดูไม่สดใสนัก จากสถานการณ์ต้นทุนที่กดดันกำไร เราคาดหวังการฟื้นตัวในปี 2566
  • เราปรับลดมูลค่าพื้นฐานจากเดิมที่ 17.80 บาท เป็น 16.70 บาท สะท้อนการปรับลดประมาณการ และปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานเป็นปี 2566 อิง P/E เฉลี่ย 5 ปีที่ 11.50x

INOUE RUBBER ต้นทุนวัตถุดิบกดดันกำไร…รอฟื้นปีหน้า

2Q65 กำไรยังถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่ม

IRC มีกำไรสุทธิ 2Q65 (ม.ค. – มี.ค.65) ที่ 64 ล้านบาท +136%QoQ, -51% ด้านรายได้ปรับเพิ่มขึ้น 12%QoQ และ 11%YoY เป็น 1,568 ล้านบาท ตามอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัว ซึ่งที่ปรับยอดผลิตรถยนต์ของอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น 1%QoQ และ 3%YoY เป็น 465,833 คัน ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น QoQ ตามยอดขายที่เติบโต แต่เทียบ YoY ลดลง เนื่องจากยังถูกกดดันจาก 1) ต้นทุนราคาวัตถุดิบ (Polimer, Synthetic Rubber และ Carbon Black) เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก 2) ค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทรนเนอร์ ส่งผลให้ EBITDA Margin ปรับลดลงจาก 17.2% ใน 2Q64 เหลือ 8.9%

ยังกังวลเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ ฉุดผลประกอบการใน 2H65

ใน 2H65 แม้ว่าบริษัทจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้ากับลูกค้าไปแล้วส่วนใหญ่ อีกทั้งบริษัทพยามควบคุมต้นทุนโดยการปรับปรุงระบบการผลิต โดยใช้ระบบ automation มาทดแทนแรงงาน แต่สถานการณ์ราคาวัตถุดิบยังน่าเป็นห่วง  เนื่องจากราคาวัตถุดิบหลัก Polimer, Synthetic Rubber และ Carbon Black ที่ยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่สถานการณ์ขาดแคลนชีพในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงการขาดแคลนตู้คอนเทรนเนอร์ยังคงมีอยู่ ซึ่งทางสภาอุตสาหกรรมว่าจะคลี่คลายในปี 2566

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2565-2566 สะท้อนแนวโน้มต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด

ภาพรวมปี 2565 – 2566 เราปรับลดประมาณการกำไรลงจากเดิม 32%และ 27% เหลือ 212 ล้านบาท (-38%YoY) และ 291 ล้านบาท (+37%YoY) จากการปรับสมมติฐาน 1) ปรับเพิ่มรายได้ปี 2565 และ 2566 ขึ้น 9% และ 9% เป็น 6,139 ล้านบาท และ 6,863 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากรายได้ใน 2Q65 ที่เติบโตดีกว่าที่คาด 2) ปรับอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 ลดลงจาก 12.3% เหลือ 9.7% และในปี 2566 ลดลงจาก 13.3% เหลือ 10.5% สะท้อนแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่สูงกว่าที่เราคาด 3) ปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปี 2565 และ 2566 ขึ้น 8% และ 8% เพิ่ม

คงคําแนะนํา “เก็งกำไร”

เราคาดว่าผลประกอบการยังมีโอกาสชะลอตัวต่อในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่คาดหวังการฟื้นตัวในปี 2566 หลังจากสถานการณ์ขาดแคลนชีพในอุตสาหกรรมคลี่คลาย และแนวโน้มต้นทุนน่าจะดีขึ้น ส่วนประเด็น EV-Car มองเป็นบวกในระยะยาวต่อบริษัท ซึ่งบริษัทมีการพัฒนาเทคโนโลยีรองรับการผลิต และมีการเจรจากับลูกค้าแล้วหลายราย ซึ่งเชื่อว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต สอดคล้องกับปริมาณการใช้รถยนต์ EV-Car ที่จะแพร่หลายขึ้น นอกจากนี้ IRC ยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเป็น Net Cash Company ไม่มีภาระหนี้สิน และมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ  เราปรับลดมูลค่าพื้นฐานจากเดิมที่ 17.80 บาท เป็น 16.70 บาท สะท้อนการปรับลดประมาณการกำไร และปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานเป็นปี 2566 อิง PE เฉลี่ย 5 ปี ที่ 11.5x

- Advertisement -