BC พร้อมรับอานิสงส์แบบจัดเต็ม หลังภาครัฐปลดล็อกกัญชา กัญชง หนุนบริษัทในเครือ “บีสโปค” เดินหน้าขยายฐานธุรกิจเต็มที่ พร้อมรับปัจจัยหนุนจาก อย.อนุมัติปลูกกัญชาเพิ่มเติมได้อีก 9,500 ต้นต่อรอบ จากเดิมอยู่ที่ 406 ต้นต่อรอบ สร้างผลผลิตสูงขึ้น ปักธงเป็นผู้นำตลาด ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทั้งได้รับแรงหนุนจากธุรกิจคลินิกกัญชาเพื่อสุขภาพที่เตรียมเปิดตัว นำร่องเป็นคลิกนิกไฮเอนด์ของประเทศไทย รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical and Wellness Tourism 

 

นายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี หลังรัฐบาลมีนโยบายปลดล็อกส่วนของพืชกัญชาออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 (ยกเว้นสารสกัดบางรายการ) ส่งผลบวกต่อธุรกิจกัญชาที่บริษัทได้เดินหน้าบุกตลาดใหม่และสร้างการเติบโต ภายใต้ บริษัท บีสโปค ไลฟ์ ไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน (RMUTL) ในการปลูกและนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชาที่มีคุณภาพสูงจากต่างประเทศและให้ผลผลิตมากที่สุดในประเทศไทย และคาดว่าจะได้เห็นทิศทางการเติบโตในธุรกิจกัญชาของ BC ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในปีนี้ จากการเป็นผู้นำตลาดตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ซึ่งเป็นพันธมิตรเพื่อการเพาะปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์กับบีสโปค ที่ BC ถือหุ้นทางอ้อม เพื่อประกอบธุรกิจคลินิกการแพทย์แผนไทย เพื่อจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ได้รับใบอนุญาตผลิต (ปลูก) กัญชาเพิ่มเติมจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 สำหรับการเพาะปลูกกัญชาในร่ม โดยใบอนุญาตดังกล่าวทำให้สามารถปลูกกัญชาเพิ่มเติมได้อีก 9,500 ต้นต่อรอบ จากเดิมอยู่ที่ 406 ต้นต่อรอบ รวมเป็นจำนวนที่สามารถปลูกได้ทั้งสิน 9,906 ต้นต่อรอบ ทั้งนี้ ตามแผนการซึ่งระบุไว้ในเอกสารประกอบการขออนุญาต ผลผลิตสูงสุดต่อ 1 รอบการปลูก ภายใต้ใบอนุญาตเพิ่มเติมดังกล่าว ได้แก่ ดอกกัญชาแห้ง 380 กิโลกรัม และใบกัญชาแห้ง 1,292 กิโลกรัม โดยบีสโปคดำเนินการเพาะพันธุ์และปลูกต้นกัญชาในสถานที่ปิดที่มีการควบคุมสภาพอากาศ ความชื้น แสง และอุณหภูมิ เพื่อให้ได้ต้นกัญชาที่มีคุณภาพสูงสุด ปราศจากสิ่งเจือปน สำหรับนำไปแปรรูปเป็นผลิตพันธุ์ทางการแพทย์

อย่างไรก็ดี จากใบอนุญาตที่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตกัญชาต่อรอบที่มากขึ้นนั้น ทำให้ผลผลิตต่อรอบการปลูกก็มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้การเดินหน้าของธุรกิจคลินิกกัญชาที่จะมาผนวกกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งเป็นประโยชน์ที่ดี เนื่องจากสามารถกระจายในหลายส่วนของธุรกิจ และมีปริมาณที่เพียงพอเพื่อรองรับกลุ่มความต้องการภายในประเทศและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาซื้อและใช้บริการ นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งของกระแสเงินสดใหม่ของบริษัท และเป็นการกระจายความเสี่ยงที่บริษัทได้วางกลยุทธ์ไว้

ส่วนความคืบหน้าของคลินิกกัญชาเพื่อสุขภาพระดับไฮเอนด์แห่งแรก ที่อาคารซัมเมอร์ พอยท์ บนถนนสุขุมวิท ที่เตรียมจะเปิดให้บริการในไตรมาส 3  ตอบสนองเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical and Wellness Tourism ที่รองรับได้ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ปัจจุบันเริ่มทยอยกลับมาเที่ยวกันอย่างคึกคักมากขึ้น คาดว่า คลินิกกัญชาเพื่อสุขภาพ จะสร้างการเติบโตให้กับรายได้ของบริษัทได้อย่างชัดเจนในปีนี้

********

- Advertisement -