TVD เดินหน้าขยายฐานธุรกิจ ปั้นธุรกิจสตาร์ทอัพ “ฟู้ด ออเดอรี่”  เปิดตัว “eatsHUB” แพลตฟอร์มรับส่งอาหารระดับชาติ สนับสนุนอีโคซิสเต็มแพลตฟอร์มธุรกิจร้านอาหาร นำเสนอบริการแบบ One Stop Service ครบวงจร ชูฟีเจอร์รองรับทั้งการสั่งอาหารผ่านโมบายแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ คอลล์เซ็นเตอร์ รวมทั้งระบบ POS สำหรับบริหารจัดการร้านอาหารและจองโต๊ะ ตอบโจทย์ Call Click Come ชูจุดเด่นคิดค่า GP ต่ำกว่าตลาด นำร่อง 8% ดึงร้านอาหาร ไรเดอร์ ผู้บริโภค ใช้แพลตฟอร์ม วางเป้าหมายยอดดาวน์โหลดแอปฯ 5 แสนครั้งภายในปี 2565 

 

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มของแพลตฟอร์มให้ครอบคลุมที่จะผลักดันผู้ประกอบการไทยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตยั่งยืน ล่าสุดหลังจากที่บริษัท เอบีพีโอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ TVD ได้เข้าลงทุนถือหุ้น 10.10% ในบริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มให้บริการรับส่งอาหารของประเทศไทยภายใต้ชื่อ eatsHUB เพื่อเป็นแหล่งรวมรวมความอร่อยจากร้านอาหารทั่วประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนในรูปแบบ Matching Fund จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ภายใต้โครงการ dVenture เพื่อเสริมศักยภาพดิจิทัลสตาร์ทอัพของไทย

ทั้งนี้ TVD เห็นโอกาสการลงทุนในฟู้ด ออเดอรี่ ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพพัฒนาแพลตฟอร์มรับส่งอาหาร เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดกลางและขนาดเล็ก รับโอกาสของธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ที่กำลังเติบโต โดยปี 2565 คาดการณ์มีมูลค่าตลาดรวม 70,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 อยู่ที่ 55,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ เอบีพีโอได้เข้าลงทุนในบริษัท อี๊ตแล็บ จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มโซลูชั่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการร้านอาหารภายใต้ชื่อ EATLAB โดยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้เพื่อวิเคราะห์และออกแบบโปรโมชั่นที่เหมาะสม

ด้านนายธรรมนิตย์ ขำวังยาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์ม eatsHUB กล่าวว่า วิชั่นของฟู้ด ออเดอรี่ มีความมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดกลางและขนาดเล็กก้าวผ่านดิจิทัลดิสรัปชั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีทีมผู้บริหารและพนักงานที่มีประสบการณ์และองค์ความรู้ในธุรกิจให้บริการคอลล์เซ็นเตอร์แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารและแพลตฟอร์มฟู้ด เดลิเวอรี่ นำมาใช้พัฒนาแพลตฟอร์ม

ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวและให้บริการแพลตฟอร์ม eatsHUB อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันสามารถดาวน์โหลดโมบายแอปพลิเคชันได้แล้ว โดยวัตถุประสงค์เพื่อเป็น National Delivery Platform หรือแพลตฟอร์มระดับชาติที่ให้บริการรับส่งอาหาร ภายใต้คอนเซ็ปต์  Call Click Come ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของแพลตฟอร์มที่ให้บริการแบบ One Stop Service ด้วยฟีเจอร์หลากหลาย รองรับการสั่งอาหารแบบฟู้ดเดลิเวอรี่และการรับประทานที่ร้าน รวมถึงจองโต๊ะล่วงหน้า ได้แก่ Call หรือการรับคำสั่งซื้อผ่านเบอร์โทร 02-003-8660  Click สามารถรับคำสั่งซื้อผ่านโมบายแอปพลิเคชัน เว็บไซต์  และช่องทาง Facebook Page ภายใต้ชื่อ eatsHUBOfficial และ Come บริการระบบ POS (Point of Sale) เพื่อบริหารจัดการร้านอาหารรองรับลูกค้าหน้าร้าน เช่น คิดเงิน บันทึกต้นทุน เป็นต้น และสามารถจองโต๊ะล่วงหน้า รวมถึงมีระบบหลังบ้านที่ใช้ AI สนับสนุนการบริหารจัดการลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ยังมี Dispatch Function ให้ร้านอาหารสามารถเลือกไรเดอร์ที่จะรับงานได้ โดยนำรายชื่อมาลงทะเบียนกับแพลตฟอร์ม

สำหรับจุดเด่นของแอปพลิเคชัน eatsHUB คือการจัดเก็บค่าดำเนินการจากส่วนแบ่งรายได้ของร้านอาหาร (Gross Profit หรือ GP) ในช่วงแรกคิดเพียง 8% ซึ่งต่ำกว่าอัตรา GP ของแอปพลิเคชันรับส่งอาหารอื่นๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 20% พร้อมรับสิทธิประโยชน์ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร เพื่อเป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันของประเทศไทยที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขายและผู้ส่งอาหาร ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารรวมเข้าร่วมแพลตฟอร์มแล้วกว่า 20,000 ราย และมีไรเดอร์รวมกว่า 1,500 ราย โดยมีเป้าหมายภายในไตรมาส 4 ปีนี้ จะขยายการให้บริการเป็น 17 จังหวัด  อาทิ เชียงใหม่  ภูเก็ต  ชลบุรี นครราชสีมา ฯลฯ รวมทั้งเปิดตัว eatsHUB Cloud Kitchen ในย่านอ่อนนุช เพื่อเป็นศูนย์รวมอาหารยอดนิยม 10 แบรนด์ดัง โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมนั้น จะต้องมียอดการสั่งซื้อมากกว่า 50 ออเดอร์ต่อวัน และวางแผนจะขยายครอบคลุม 4 มุมเมืองของกรุงเทพฯ ในพื้นที่แหล่งชุมชนที่มีศักยภาพ

“ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายรายได้ปี 2565 อยู่ที่ 180 ล้านบาท และภายในปี 2568 จะมีรายได้เพิ่มเป็นกว่า 400 ล้านบาท รวมถึงทำยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันในปีนี้ 5 แสนครั้ง ส่วนผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่ในแพลตฟอร์ม มีเป้าหมายภายใน 3 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 350,000 ราย และมีไรเดอร์เพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ราย” นายธรรมนิตย์ กล่าว

******

- Advertisement -