KS Daily View 14.06.2022 > ตลาดหุ้นทั่วโลกแกว่งตัวลงต่อ ยังแนะลงทุนหุ้น Defensive เลี่ยงกลุ่ม lobal Play SET คาด 1575 -1585 จุด หุ้นแนะนำ DTAC , BH

ต่างประเทศ : ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานแรงต่อ โดยฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว : โดยตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงเป็นวันที่ 4 ทั้งดัชนี Dow jones และดัชนี S&P500 ปรับลงราว 9% นับจากวันที่ 7 มิ.ย.ที่ตลาดรอรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน พ.ค. ซึ่งออกมา 8.6%YoY สูงกว่าคาด ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับลงแรงกว่า ติดลบ 11.3% เช่นเดียวกับฝั่งยุโรป ดัชนี DAX และดัชนี CAC ปรับลงราว 8%

ฝั่งเอเซีย : ปรับลงในทิศทางเดียวกันเกือบทุกประเทศ แต่ปรับลงแต่ไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งเริ่มเปิดเศรษฐกิจ,เปิดประเทศ อาทิ จีน ตลาดหุ้นไม่ได้ปรับฐานลงตามต่างประเทศ ทิศทางยังเป็น Sideway Up เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยหากนับจาก High ช่วงสิ้นเดือน พ.ค.65 ลงมาเพียง 60 จุด หรือ -3.7% เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหลักๆ เป็นหุ้นกลุ่ม Value อาทิ กลุ่มพลังงาน, กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ฯลฯ

โดยรวมตลาดหุ้นที่ปรับลงยังไม่ได้มีปัจจัยกดดันอะไรใหม่ ยังเป็นเรื่องเดิม คือ

1.) ความกังวลเรื่องสภาพคล่องที่จะลดลงจากเร่งใช้นโยบายการเงินตึงตัว ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยฯและการลด QE โดยเฉพาะในสหรัฐ ในการประชุมครั้งนี้วันที่ 16 มิ.ย. โดย CME FedWatch Tool มีการปรับคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 75bps. เป็น 1.50-1.75% โดย KS ให้น้ำหนักการประชุมรอบนี้หลักๆ คือ Dot plot คาดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะ peak ตรงไหน และการส่งสัญญาณเร่งในการทำ QT ประเมินว่าหากอัตราดอกเบี้ยมีการขึ้น 75bps ในรอบนี้ หรือ รอบอื่นๆ ประเมิน SET Index มีโอกาสปรับฐาน คาดแนวรับอยู่ที่ 1535-1550 จุด แต่หากไม่มีการขึ้น 75bps ในรอบนี้ หรือ รอบอื่นๆ คาดแนวรับจะอยู่ที่ 1,585 จุด และประเมินตลาดหุ้น Rebound เป็น Mini Bear rally อีกครั้ง โดยแนวต้าน 1610 และ 1630 จุด

2.) ความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังจากทิศทาง Bond Yields สหรัฐปรับขึ้น ล่าสุด เช้านี้ อายุ 2 ปีขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3.396% ทำ New High เท่ากับในปี 2007 Sentiment บวกต่อหุ้น BLA แนะนำเก็งกำไร ส่วน Bond Yields อายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.379% ทำให้ Yield curve สหรัฐแบนราบมากขึ้น และ US 10-2 Year Treasury Yield Spread กลับมา inverse หรือติดลบอีกครั้ง จากสถิติช่วงที่ US Yield spread เข้าใกล้ศูนย์ หรือติดลบ ตลาดจะกลับมากังวลอีกครั้งว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือ Recession ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า

ในประเทศ : ประเด็นที่ตลาดยังติดตามคือ

1.) กลุ่มโรงกลั่น : ล่าสุด รองนายกฯ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า มีข้อสรุปแล้ว โดยเตรียมมาตรการออกมาเป็นชุดและไม่ใช่แค่โรงกลั่นอย่างเดียว จะมีโรงแยกก๊าซด้วย ซึ่งอาจต้องเข้า ครม. โดย นวค. KS ประเมินอาจได้รับผลกระทบกำไรทั้งกลุ่ม ราว 3-4 พันล้าน คิดเป็น 5% คาดหากไม่ชัดเจนจะกดดันหุ้นกลุ่มโรงกลั่นต่อไปอีกระยะ

2.) กระทรวงการคลังเตรียมเสนอพระราชกฤษฎีกาเก็บภาษีหุ้น(FTT) เข้าที่ประชุม ครม.พิจารณา โดยจะให้เวลาผู้เกี่ยวข้องเตรียมตัวไม่เกิน 90 วันก่อนจะเริ่มจัดเก็บภาษีจริง KS ประเมินผล คือ รัฐจะมีรายได้มากขึ้นจากการเก็บภาษี, FTT จะทำให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดลดลง และอาจจะทำให้ความนิยมในการซื้อขายหุ้นในตลาดลดลงส่งผลให้ค่า PE ของหุ้นและตลาดต่ำลง ต้นทุนการเงินของบริษัทจดทะเบียนสูงขึ้น ฯลฯ

3.) อัตราดอกเบี้ยไทยมีโอกาสขึ้นเร็ว : ผู้ว่าแบงก์ชาติส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ประเมินผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยน่ากลัวน้อยกว่าเงินเฟ้อ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรภาคเอกชน(THOR) ระยะเวลา 6 เดือนปรับเพิ่มขึ้น 50bps. KS ประเมิน Sentiment บวกต่อหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ แต่จะลบต่อกลุ่มการเงิน

กลยุทธ์การลงทุน : Theme หุ้นจะเน้นไปที่ Top Down จากกระแสเงินเฟ้อสหรัฐที่พึ่งขึ้นหนุนการขึ้นดอกเบี้ย และบวกต่อ Bond Yields แนะนำเก็งกำไรหุ้น BLA และกลุ่มที่กระแสบวกจากเงินบาทอ่อนค่า คือกลุ่มส่งออกเน้นไปที่กลุ่มส่งออกอาหาร อาทิ ASIAN, TU, GFPT, CPF และกลุ่ม Defensive อาทิ กลุ่ม ICT แนะนำ TRUE, DTAC กลุ่มโรงพยาบาล อาทิ BH, BDMS,VIBHA ส่วนกลุ่มที่แนะนำชะลอลงทุน คือ กลุ่ม Global Play ที่ได้รับความกังวลจากเศรษฐกิจถดถอย อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มปิโตรเครมี กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มที่เคยได้ประโยชน์จาก Work From home เช่นกลุ่ม Gadget อุปกรณ์ IT

มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1575 -1585 จุด หุ้นแนะนำ DTAC , BH

Top pick :

DTAC (ราคาพื้นฐาน 57.5 บาท) เราประเมินเป็นหุ้น Defensive หลุมหลบภัย และเป็นหุ้น High Dividend ปี 2565 คาด 4.2% เรายังคงมุมมองเชื่อมั่นว่าการควบรวมกิจการของ TRUE DTAC จะเกิดขึ้นในปีนี้ ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่ดี DTAC และถือจนถึงราคา Tender offer ที่ระดับ 47.76 บาทเป็นอย่างน้อย

BH (ราคาพื้นฐาน 181 บาท) เป็นหุ้น Defensive และได้ประโยชน์จากการที่รัฐบาลไทยอนุญาติให้ซาอุดิอาระเบียเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอ VISA โดยบริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตเป็นบวกตลอดปี 2565 และในช่วง 2Q65 แรงกดดันต่ออัตรากำไรน่าจะลดลงจาก 1Q65 BH น่าจะบริหารจัดการผลกระทบจากเงินเฟ้อได้ และดูได้ผลบวกมากกว่าผลลบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตามดัชนี Zew Economic Sentiment Index ของเยอรมัน เดือน มิ.ย. คาด -27.5 จุด (ดีขึ้นจากระดับ -34.3 จุด เดือนก่อนหน้า) ดัชนี PPI ของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. คาด +0.8% MoM และ +10.9% YoY และรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนของ OPEC
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขการลงทุนทางตรงจากต่างชาติ (FDI) ของจีนใน 5M22 คาด +17% YoY ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเดือน พ.ค. คาด -0.5% YoY ตัวเลข Retail sales ของจีน เดือน พ.ค. คาด -7.3% YoY การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนใน 5M22 คาด +6% YoY ตัวเลข Retail sales ของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. คาด +0.2% MoM สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯรายสัปดาห์ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 50bps. เป็น 1.25-1.50% ถ้อยแถลงของ Fed Powell และ Dot plot
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ดุลการค้าของญี่ปุ่นเดือน พ.ค. คาดขาดดุล 2,022bn เยน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุล 839bn เยน ผลการประชุมธนาคารอังกฤษคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps. เป็น 1.25% ตัวเลข Housing starts ของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. คาด -1.5% MoM เป็น 1.7 ล้านยูนิต ตัวเลข Building permits ของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. คาด -1.7% MoM เป็น 1.787 ล้านยูนิต
  • วันศุกร์ ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. คาด +0.4% MoM และถ้อยแถลงของ Fed Chair Powell
- Advertisement -