บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Commerce Sector กำลังซื้อกลับมาแล้ว
Event
อัพเดตแนวโน้มธุรกิจ commerce
Impact
เห็นสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นในหลายๆ ด้าน
เราพบว่ามีสัญญาณบวกในหลายๆ ด้าน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ และการบริโภคในประเทศให้เร่งตัวขึ้น ได้แก่ i) อัตราการขยายตัวของ GDP ประเทศไทย และอัตราการขยายตัวของการบริโภคที่ฟื้นตัวขึ้น 2.2% และ 3.9% ใน 1Q65 ตามลำดับ ในขณะที่อัตราการว่างงานของประเทศไทยลดลงเหลือ 1.5% ใน 1Q65 สอดคล้องกับการผ่อนคลายมาตรการ lockdown เพื่อคุมโรคระบาด ii) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคนในปี 2565 และ 25 ล้านคนในปี 2566 หลังคลายมาตรการข้อจํากัดในการเดินทาง iii) การนำเข้า-ส่งออกของประเทศไทยขยายตัว 18% YoY และ 14% YoY ใน 4M65 ตามลำดับ iv) รายได้ภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 14% YoY ในเดือนเมษายน2565 โดยเป็นการเติบโต YoY ติดต่อกันเป็นเดือนที่สี่ ซึ่งมาจากทั้งทางด้านของราคาและผลผลิต v) การกลับมาเปิดประเทศทำให้กิจกรรมทางธุรกิจ และการใช้ชีวิตกลับคืนมา ดังจะเห็นได้จากจํานวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และจำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์ในโรงหนังที่เพิ่มขึ้น
กําลังซื้อโดยรวมจะกลับมา โดยเฉพาะในภาคบริการ
จากการศึกษาของเรา พบว่ารายได้ทั้งหมดที่สูญเสียไปจากการระบาดของ COVID-19 ในปี 2563 อยู่ที่ 5.54 แสนล้านบาท (แรงงานในภาคบริการถูกกระทบหนักที่สุด คิดเป็นมูลค่า 5.10 แสนล้านบาท) ถึงแม้ว่ารายได้จะฟื้นกลับมา 8.9 หมื่นล้านบาทในปี 2564 แต่เราคาดว่ากำลังซื้อโดยรวมจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 2.04 แสนล้านบาทในปี 2565 และ 2.21 แสนล้านบาทในปี 2566 ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายภาคเศรษฐกิจ เราเชื่อว่ากำลังซื้อของแรงงานในภาคบริการจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งที่สุดถึง 7.85 หมื่นล้านบาทในปี 2565 (ประมาณ 39% ของกำลังซื้อที่กลับมาทั้งหมด) และ 2.21 แสนล้านบาทในปี 2566 (100% ของกำลังซื้อที่กลับมาทั้งหมด) ซึ่งเมื่ออิงตามประมาณการของเรา รายได้รวมต่อปีที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจะหนุนให้การใช้จ่ายบริโภคเพิ่มขึ้น 2.4% ในปี 2565 และ 2.6% ในปี 2566 ซึ่งจำนวนดังกล่าวคิดเป็น 7.3% และ 7.9% ของตลาดค้าส่ง และค้าปลีกของไทยในช่วงเดียวกันตามลำดับ
คาดว่า CPALL จะได้อานิสงส์จากปัจจัยสนับสนุนในภาพรวม
ในบรรดาหุ้นกลุ่ม commerce เราคาดว่า CPALL จะได้อานิสงส์มากที่สุดจากปัจจัยบวกในภาพรวม ซึ่งได้แก่ i) การกลับมาใช้ชีวิตแบบที่มีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ (ประชุมแบบ onsite / เข้าเรียนในสถานศึกษา และการอนุญาตให้จัดกิจกรรมตอนกลางคืน) ii) จำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้น และ iii) กำลังซื้อที่ฟื้นตัวขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจาก EPS ของ CPALL ถูกกระทบอย่างหนัก โดยลดลงถึง 62% จากปี 2562 ถึง 2564 ดังนั้น เราจึงคาดว่า EPS ของ CPALL จะเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 86% ในปี 2565F และ 28% ในปี 2566F
Valuation & action
เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม commerce ที่ Overweight โดยเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 75.00 บาท อิงจาก PER ที่ 35.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่าง MAKRO และ CPALL +1.0 S.D.) จาก EPS ปี 2566 ซึ่ง discount กลับมาโดยใช้ WACC ที่ 8%
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัวลง, เกิด disruption จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่คาดไว้, การหาทำเลที่ตั้งสาขาใหม่