บล.โกลเบล็ก:
PROPERTY PERFECT PCL.(PF)
1Q65 พลิกขาดทุนจากการรับรู้ด้อยค่าในธุรกิจโรงแรม
- งวด 1Q65 พลิกขาดทุนสวนทางกับที่คาดว่าจะมีกำไรจากรับรู้ด้อยค่าธุรกิจโรงแรม
- แผนขายสินทรัพย์สร้างความแข็งแกร่ง ด้านการเงินยังเดินหน้าต่อ
- ปรับประมาณการผลประกอบการปี 65 ลดลงจากเดิม 80%
- คงคำแนะนำ “ถือ” ปรับราคาเหมาะสมปี 65 เหลือ 0.54 บาท (จากเดิม 0.56 บาท)
ประเด็นสำคัญในการลงทุน :
- งวด 1Q65 พลิกขาดทุนสวนทางกับที่คาดว่าจะมีกำไรจากการรับรู้ด้อยค่าธุรกิจโรงแรม : งวด 1Q65 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,841 ล้านบาท -30%YoY และ -27%QoQ แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ 1,570 ล้านบาท -31.5%YoY (สัดส่วน 80% ของรายได้รวม) จากการโอนบ้าน คอนโดมิเนียม และการขายที่ดิน ลดลง รายได้จากธุรกิจโรงแรม 190 ล้านบาท (สัดส่วน 10% ของรายได้รวม) ลดลง 27%YoY เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่รุนแรง ในช่วง 1Q64 รายได้ค่าเช่าและบริการ 81 ล้านบาท (สัดส่วน 4% ของรายได้รวม) เพิ่มขึ้น 18%YoY อัตรากำไรขั้นต้นรวมเท่ากับ 23% ดีขึ้นจากระดับ 21.7% ในช่วง 1Q64 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอสังหาฯ ปรับดีขึ้น ส่วนธุรกิจโรงแรมขาดทุนน้อยลงจากช่วง 1Q64 หลังเริ่มเปิดเมือง ขณะที่ค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น 57%YoY เนื่องจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมจำนวน 560 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น 19%YoY ส่งผลให้งวด 1Q65 มีผลประกอบการขาดทุน 525 ล้านบาท แย่กว่า 1Q64 ที่ขาดทุน 153 ล้านบาทและกำไร 453 ล้านบาทใน 4Q64 ปลายมี.ค. 2565 มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 1.45 เท่า ลดลงจาก 1.63 เท่า ณ ปลายปี 2564 ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายไม่ให้สูงขึ้นมากจากแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 เป็นต้นไป
- แผนขายสินทรัพย์สร้างความแข็งแกร่งด้านการเงินยังเดินหน้าต่อ : ในปี 2565 บริษัทมีแผนขายสินทรัพย์เงินลงทุน รวมทั้งขายสินทรัพย์จัดตั้งกองทรัสต์ของกลุ่มบริษัทมูลค่ารวม 10,100 ล้านบาท เฉพาะที่ดินย่านรามอินทราของบริษัทมีมูลค่าราว 2,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน และลดภาระหนี้สินซึ่งจะเป็นผลดีในภาวะทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น
- ปรับประมาณการผลประกอบการปี 65 ลดลงจากเดิม 80% : ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 65 มีแนวโน้มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และการเปิดประเทศส่งผลดีต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคปี 65 มีแผนเปิดใหม่ 15 โครงการมูลค่า 1.48 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมดในช่วง 2Q65 บริษัทมีแผนเปิดใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 6,775 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เพนตัน พหลโยธิน มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท และโครงการ เลค เลเจนด์ บางนา-สุวรรณภูมิ มูลค่า 6,275 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขาย presale เพิ่มเติม backlog ที่มีจำนวน 3,764 ล้านบาท ณ ปลายงวด 1Q65 ในส่วนของธุรกิจถุงมือยาง บริษัทปรับแผนเป็นชะลอการเดินเครื่องผลิตเหลือ 8 สายการผลิตจากเดิมที่คาดจะเริ่มเดินเครื่องผลิตทั้งหมด 16 สายการผลิตภายในปี 2565 เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ถุงมือยางในตลาดโลกที่มีอุปสงค์ลดลงสวนทางกับอุปทานที่เพิ่มขึ้น และราคาตลาดโลกที่ลดลง ทำให้เรามีมุมมองบวกลดลงต่อธุรกิจถุงมือยางในเรื่องความสามารถในการทำกำไร ขณะที่คาดว่าธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการรายได้จากการขายจากเดิม 13,630 ล้านบาท ลดลง 10% เพื่อสะท้อนการลดลงของรายได้ธุรกิจโรงแรมในส่วนที่ขายออกไปในช่วง 4Q64 และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจถุงมือยางที่ลดลง ปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเหลือ 30% จากเดิม 35.3% ปรับสมมติฐานค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้น 2% ส่งผลให้ประมาณการผลการดำเนินงานปี 65 ลดลง 80% จากเดิม 652 ล้านบาท เหลือ 132 ล้านบาท ทั้งนี้แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 2Q65 คาดจะพลิกมีกำไรเนื่องจากไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ธุรกิจโรงแรมเช่นที่เกิดขึ้นในช่วง 1Q65
- คงคำแนะนำ “ถือ” ปรับราคาเหมาะสมปี 65 ลดเหลือ 0.54 บาท (จากเดิม 0.68 บาท) : ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อภาพรวมธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย และการเปิดประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ทำให้ขาดทุนน้อยลงหลังเปิดประเทศในการประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PBV ที่ระดับเดิมเท่ากับ 0.4 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2562-2564) ซึ่งต่ำกว่า PBV ของอุตสาหกรรมที่ระดับ 1.38 เท่า หลังปรับประมาณการกำไรปี 65 ทำให้มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น ณ ปลายปี 65 ใหม่ลดเหลือ 1.36 บาท (จากเดิม 1.40 บาทต่อหุ้น) คำนวณเป็นราคาเหมาะสมเท่ากับ 0.54 บาท (จาก เดิม 0.68 บาท) ซึ่งมีอัพไซต์จากราคาปิดล่าสุด พร้อมคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 1.6% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ”
ปัจจัยเสี่ยง
1.ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า กดกำลังซื้อของผู้บริโภค
2. การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวได้ช้า
3. การก่อสร้างล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนการโอน
4. หากขายสินทรัพย์ไม่ได้ตามแผนจะทำให้ภาระหนี้สินยังสูง
5. การออกหุ้นกู้ชุดใหม่ทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระทำไม่ได้ตามแผน
6. ราคาขายถุงมือยางในอนาคตอาจลดลงจากปัจจุบันหากมี supply เพียงพอ