ไมได้เพิ่มอัพไซด์ แต่ ECB และ FED ช่วยปิดความเสี่ยงตลาดระยะสั้น

ผลการประชุมของ ECB และ FED เป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อตลาด ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯฟื้นตัว ซึ่งถือว่าดีกว่าความคาดหมายแรกของเรา โดยหลักมาจาก

1) การประชุมพิเศษของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีการใช้เครื่องมือใหม่ เพื่อป้องกันการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (ซึ่งน่าจะอยู่ในรูปแบบของการนำเงินจากการไถ่ถอนพันธบัตรที่หมดอายุกลับเข้าไปซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหา) มาตรการดังกล่าวไม่ใช่ สิ่งที่ดีต่อยุโรปในระยะยาว แต่ช่วยจำกัดความเสี่ยงทางลงจากความผันผวนในระยะสั้น

2) การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามตลาดคาด และส่งสัญญาณขึ้นรอบหน้า 0.50 -0.75% ซึ่งเป็นสัญญาณที่แรงกว่าเดิม รวมถึงมีการปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ ปีนี้ลงเหลือ 1.7% (จาก 2.8%) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนตอบรับเชิงบวกจากการที่มุมมองการแนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการเฟดรายบุคคล (Dot plot) ขยับขึ้นใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดล่วงหน้า (FED Funds Futures) ซึ่งช่วยปิดความเสี่ยงว่าเฟดอาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยในระดับที่เกินความคาดหมายของตลาดไปมากๆ ขณะที่หากข้อมูลเงินเฟ้อชะลอตัว ลงเฟดก็อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยได้

ยังมองความเสี่ยงของหุ้นไทยและอาเซียนต่ำกว่าหุ้นโลก แม้อาจเผชิญคาดการณ์กำไรระยะสั้นที่ลดลงจากผลของยูเครนและปิดเมืองที่จีน ที่จะกระทบช่วงปลายไตรมาสสองถึงสาม แต่ด้วยระดับ Eamings Risk Premium ที่กลับเข้าสู่ระดับค่าเฉลี่ยที่ 2.8% สะท้อนถึงมูลค่าตลาดในระยะสั้นที่สมเหตุสมผลมากขึ้น (ยิ่งดัชนีลงต่อจะยิ่งเป็นโอกาสในการเข้าทยอยสะสมหุ้น) กลยุทธ์เรายังคงเน้นการซื้อรายตัวในกลุ่มหุ้นที่ราคาไม่แพง มี pricing power และได้ประโยชน์จากธีมการเปิดประเทศ เช่น ท่องเที่ยว-โรงแรม, โรงพยาบาล, นิคมฯ, รวมถึงอาหาร ขณะเดียวกันเรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีน นักลงทุนสามารถทยอยสะสม DR และ ETF ที่อิงหุ้นจีน ได้แก่ BABA80, TENCENT80 และ CHINA ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN 5) หุ้นประกัน TIPH, BLA, TVI, THREL (แค่เก็งกำไรรับไทยประกันเข้า IPO)

ภาพรวมกลยุทธ์: ประชุม ECB และ FED ช่วยปิดความเสี่ยงระยะสั้น ทำให้ตลาดมีโอกาสฟื้นตัว โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,630-1,640 จุด ภาพรวมเป็นบวกในกลุ่มธนาคาร หุ้นเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย กลุ่มอาหาร และการแพทย์ //

หุ้นแนะนำ: SPA*, BABA80*, KASET*, ASIAN*

แนวรับ: 1,590 / แนวต้าน : 1,630-1640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

  • สหรัฐเผยยอดค้าปลีกลดลง 0.3% ต่ำคาดการณ์ – เป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน คาดเพิ่มขึ้น 0.2% หลังเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย.
  • ECB ประชุมฉุกเฉินประกาศใช้เครื่องมือใหม่ป้องกันบอนด์ยีลด์พุ่ง – คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวหลังการประชุมว่า ECB จะประกาศใช้เครื่องมือใหม่เพื่อป้องกันการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก หลัง ECB ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ค.
  • ไบเดน ตำหนิบริษัทโรงกลั่นน้ำมันสหรัฐฯ ทำกำไรมหาศาล – พร้อมระบุบริษัทต่างๆ จะต้องดำเนินการโดยทันที เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันเบนซิน ดีเซล และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นประเภทอื่นๆ โดยร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ โดยจดหมายนี้ส่งถึงบริษัทน้ำมันหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน
  • สี จิ้นผิง เรียกร้องรัสเซีย-ยูเครน ยุติสงคราม – จีนสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในโลก และส่งเสริมให้เศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพ ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันแก้ไขความขัดแย้งท่ามกลางวิกฤตการณ์ยูเครน จีนพร้อมมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
  • ยุโรปนำเข้าถ่านหินแอฟริกาใต้เพิ่ม ก่อนระงับนำเข้าจากรัสเซีย – ท่าเรือถ่านหิน อ่าวริชาร์ดส์ (RBCT) ของแอฟริกาใต้ส่งมอบถ่านหินให้กับประเทศในยุโรปช่วงสิ้น เดือนพ.ค. ราว 15% ของการส่งออกถ่านหินทั้งหมดของ RBCT และปรับขึ้นจาก 4% ในปี 2564 คำสั่งห้ามนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียของ EU จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนส.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
  • Opportunity day – 16 มิ.ย. VRANDA, JR, MENA, IND, UBE, FN / 17 มิ.ย. SKE, FVC, GPI

ประเด็นติดตาม: 16 มิ.ย. – US Building Pemits, US Initial Jobless Claims / 17 มิ.ย. – EU CPI, Fed Chair Powell Speaks / 21 มิ.ย. – US Existing Home Sales / 23 มิ.ย. – US&EU Manufacturing – PMI, Services PMI, Russia Debt Payment / 24 มิ.ย. – US New Home, Sales, Russia Debt Payment

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ

  • เก็งกำไร SPA* (13) : ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดและทยอยปรับดีขึ้น ราคายังฟื้นตัวจากโควิดน้อยกว่ากลุ่มท่องเที่ยวอื่น ตัดขาดทุน 8.10 บาท
  • เก็งกำไร BABA80* (6) : หุ้นจีนมีแนซโน้มฟื้นตัว โดยได้รับผลดีจากการเปิดเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมา ตัดขาดทุน 4.40 บาท
  • เก็งกำไร KASET* (3) : เก็งกำไรการเติบโตจากยอดส่งออกข้าว เนื่องจากอาหารขาดแคลน ตัดขาดทุน 2.26 บาท
  • เก็งกำไร ASIAN* (20) : ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า ตัดขาดทุน 10.80 บาท

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

Market News & Factors

  • ตลาดหุ้นสหรัฐ – ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพุธ (15 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเฟดในการควบคุมเงินเฟ้อ โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดหุ้นยุโรป – ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (15 มิ.ย.) โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลง 6 วันติดต่อกัน ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกจับตาการดำเนินนโยบายการเงินจากธนาคารกลางรายใหญ่หลายแห่งในสัปดาห์นี้ (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น – ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วง 4 วันทำการติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัว ท่ามกลางแนวโน้มที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในวันนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดน้ำมัน – สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (15 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันพุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวานนี้ (อินโฟเควสท์)
  • เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด ส่งสัญญาณขึ้นอีก 1.75% – ปรับขึ้นสู่ระดับ 1.50-1.75% ตามตลาดคาด เป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่สุดรอบ 28 ปี ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เฟดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 3.4% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1.75% ภายในปีนี้ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ในสิ้นปี 2566 และ ชะลอตัวสู่ระดับ 3.4% ในปี 2567 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ 2.5% พร้อมหันคาดการณ์ GDP สหรัฐเหลือ 1.7% ในปีนี้ จากเดิม 2.8% (อินโฟเควสท์)
  • สหรัฐเผยยอดค้าปลีกลดลง 0.3% ต่ำคาดการณ์ – เป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน คาดเพิ่มขึ้น 0.2% หลังเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. (อินโฟเควสท์)
  • ECB ประชุมฉุกเฉิน ประกาศใช้เครื่องมือใหม่ป้องกันบอนด์ยีลด์พุ่ง – คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวหลังการประชุมว่า ECB จะประกาศใช้เครื่องมือใหม่เพื่อป้องกันการพุ่งขึ้นของ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก หลัง ECB ส่งสัญญาณ ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. (อินโฟเควสท์)
  • ไบเดน ตำหนิบริษัทโรงกลั่นน้ำมันสหรัฐฯทำกำไรมหาศาล – พร้อมระบุบริษัทต่างๆ จะต้องดำเนินการโดยทันที เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันเบนซิน ดีเซล และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่น ประเภทอื่นๆ โดยร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ โดยจดหมายนี้ส่งถึงบริษัทน้ำมันหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน (อินโฟเควสท์)
  • สี จิ้นผิง เรียกร้อง รัสเซีย-ยูเครน ยุติสงคราม – จีนสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในโลก และส่งเสริมให้เศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพ ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันแก้ไขความขัดแย้งท่ามกลางวิกฤตการณ์ยูเครน จีนพร้อมมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว (อินโฟเควสท์)
  • ยุโรปนำเข้าถ่านหินแอฟริกาใต้เพิ่ม ก่อนระงับนําเข้าจากรัสเซีย – ท่าเรือถ่านหินอ่าวริชาร์ดส์ (RBCT) ของแอฟริกาใต้ส่งมอบถ่านหินให้กับประเทศในยุโรป ช่วงสิ้นเดือนพ.ค. ราว 15% ของการส่งออกถ่านหินทั้งหมดของ RBCT และปรับขึ้นจาก 4% ในปี 2564 คำสั่งห้ามนำเข้าถ่านหินจาก รัสเซียของ EU จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนส.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย (อินโฟเควสท์)
  • Opportunity day – 16 มิ.ย. VRANDA, JR, MENA, IND, UBE, FN / 17 มิ.ย. SKE, PVC, GPI (SET)

Report & Corporate News

  • TISCO Maintained BUY TP: 121.00 บาท – เราคาดว่า TISCO จะรายงานกำไรสุทธิใน 2Q22 ที่ 1.7 พันล้านบาท (ทรงตัว yoy -5% qoq) ค่าใช้จ่ายในการตั้งสํารองที่ลดลงของ TISCO ใน 2Q22 น่าจะบรรเทาผลกระทบเชิงลบจาก non-II ที่อ่อนแอ ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในธุรกิจตลาดทุน โดย TISCO เป็นหนึ่งใน Top Pick ของเรา เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งและการจ่ายเงินปันผลสูง ซึ่งน่าจะมีผลงานที่ดีท่ามกลางตลาดที่ผันผวน คงคําแนะนํา ชื้อ ราคาเป้าหมาย: 121.00 บาท
  • TOA – บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA จับมือกับ บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) CMC เดินหน้ายกระดับคอนโดสุขภาพดี ตามแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ในเมือง ด้วยนวัตกรรมสีทาบ้านมาตรฐานใหม่ ที่ช่วยป้องกันและกำจัดไวรัสตระกูลโคโรนา ได้ถึง 99.9% (อินโฟเควสท์)
  • OISHI – บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ว่า ‘จากสถานการณ์ใดวิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติขึ้น บวกกับปัจจัยบวกหนุนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผ่อน คลายมาตรการของทางการ และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้เศรษฐกิจในภาพรวมค่อยๆ ฟื้นตัว ส่งผลให้ไตรมาสที่ 2/2564-2565 บริษัทสามารถสร้างรายได้รวม 3,011 ล้านบาท เติบโต 27.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่ม 1,749 ล้านบาท เติบโต 23.5% และรายได้จากธุรกิจอาหาร 1,262 ล้านบาท เติบโต 32.4% ขณะที่กำไรสุทธิรวม 265 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 89.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน” (อินโฟเควสท์)
  • ACE – บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี (ACE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติโครงการซื้อ หุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stocks) ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยจำนวนหุ้นที่จะซื้อ คนไม่เกิน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 3.93% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในช่วงระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค.65 (อินโฟเควสท์)

 

- Advertisement -